สำนักงานอาหารและยาของอินโดนีเซีย (BPOM) ได้ร่างกฎระเบียบใหม่บังคับการติดฉลากโภชนาการ (Nutri-Level) บนบรรจุภัณฑ์ แสดงปริมาณน้ำตาล เกลือ และไขมัน (SSF) ลักษณะเดียวกันกับระบบที่ใช้ในสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ลดอัตราโรคอ้วน เบาหวาน และโรคไม่ติดต่ออื่น ๆ คาดว่าจะออกประกาศใช้กฎหมายในเดือนธันวาคม 2567 โดยในระยะแรกจะเริ่มกับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวไปอินโดนีเซียในปี 2566 เป็นมูลค่า 1,433 ล้านบาท
ร่างกฎหมายฉบับนี้เน้นยำให้แสดงปริมาณน้ำตาล เกลือ และไขมัน และจัดระดับโภชนาการของผลิตภัณฑ์เป็น 4 ระดับ ได้แก่ A (ดีที่สุด) รองลงมาเป็น B, C และ D ตามลำดับ โดยสินค้าระดับ C และ D จะต้องแสดง Nutri-Level พร้อมข้อมูลปริมาณ SSF ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคหรือต่อบรรจุภัณฑ์ ส่วนสินค้าระดับ A และ B ให้แสดง Nutri-Level ตามความสมัครใจ รายละเอียดการกำหนดระดับสินค้า ดังนี้
ทั้งนี้ สินค้าระดับ A ห้ามใช้สารให้ความหวานธรรมชาติหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล สินค้าระดับ B สามารถใช้สารให้ความหวานธรรมชาติ แต่ห้ามใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ส่วนสินค้าระดับ C และ D สามารถใช้ได้ทั้งสารให้ความหวานธรรมชาติ และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล
การแสดงฉลากจะต้องระบุระดับสินค้าตามปริมาณน้ำตาล เกลือ หรือไขมัน รายการใดรายการหนึ่งที่มีค่าสูงที่สุด เช่น หากสินค้ามีน้ำตาลในระดับ B มีเกลือในระดับ D และมีไขมันในระดับ D สินค้านั้นจะต้องถูกจัดเป็นสินค้าระดับ D
ตัวอย่างการแสดงฉลาก Nutri-Level
• ตัวอย่างที่ 1: แสดงระดับ Nutri-Level โดยเน้นตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่ง แต่ไม่ต้องระบุปริมาณน้ำตาล เกลือ ไขมันทั้งหมด (ใช้ได้เฉพาะสินค้าระดับ A และ B)
• ตัวอย่างที่ 2: แสดงระดับ Nutri-Level โดยเน้นตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่ง และระบุปริมาณ SSF ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคหรือต่อบรรจุภัณฑ์ (บังคับใช้สำหรับระดับ C และ D)
คาดว่าอินโดนีเซียจะประกาศใช้กฎหมายภายในปี 2567 โดยจะบังคับใช้สำหรับสินค้าเครื่องดื่มในระยะเวลา 18 เดือน และสินค้าอาหารแปรรูปใน 30 เดือน สำหรับสินค้าอื่น BPOM จะพิจารณาการบังคับใช้ในระยะต่อไป
ทั้งนี้ BPOM ยังได้กำหนดรายละเอียดสำหรับการแสดงฉลากแบบเต็มและแบบย่อส่วน ขนาดของฉลาก ฟอนต์ตัวอักษร ระบบสี CMYK ของฉลาก ผู้ที่สนใจและมีส่วนได้ส่วนเสียสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอกสารแนบ
ที่มา : GAIN สรุปโดย : มกอช.