ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ หวั่นการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ของจีน ซึ่งชะลอตัวมานานอาจได้รับผลกระทบอีกครั้ง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump's) กลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมพ.ศ. 2568 ที่จะถึงนี้และอาจประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตราเหมาจ่าย 60% เพื่อกระตุ้นการผลิตของสหรัฐฯ ตามที่ทรัมป์เคยเสนอแนวคิดไว้ก่อนการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามจีนพยายามหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าอีกครั้ง รวมถึงต้องการขยายความร่วมมือ เนื่องจากจีนผลักดันให้มีการกระจายแหล่งที่มาและเพิ่มการผลิตในประเทศให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร
จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐฯ แม้ว่าการนำเข้าจะลดลงตั้งแต่ พ.ศ. 2561 เนื่องจากจีนกำหนดอัตราภาษีนำเข้าถั่วเหลือง เนื้อวัว เนื้อหมู ข้าวสาลี ข้าวโพดและข้าวฟ่างสูงถึง 25% เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจีนในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งครั้งแรกโดยในปี พ.ศ. 2566 จีนนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่าประมาณ 34,050 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงถึง 20% จาก พ.ศ. 2565 และมีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้
สินค้าเกษตรสำคัญของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังจีนใน พ.ศ. 2566
ถั่วเหลือง : ถั่วเหลืองเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลักของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังจีน โดยใน พ.ศ. 2566 มีมูลค่าการส่งออกกว่า 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจีนได้หันมานำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลที่มีราคาถูกและมีปริมาณเพียงพอต่อการลดการพึ่งพาถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 18% ในปีนี้ จากเดิมที่ 40% ใน พ.ศ. 2559
ข้าวโพด : จีนนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2566 เพื่อการปศุสัตว์มูลค่ากว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯแต่หลังจาก พ.ศ. 2565 จีนมีการอนุญาตนำเข้าข้าวโพดจากบราซิล บราซิลจึงกลายเป็นผู้นำเข้าข้าวโพดแซงหน้าสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว
เนื้อสัตว์และเครื่องใน : จีนเคยเป็นตลาดที่สำคัญของการส่งออกของขาไก่ หูหมู และเครื่องใน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการเพียงเล็กน้อยในสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2566 การนำเข้าเนื้อสัตว์และเครื่องในจากสหรัฐฯ ของจีนลดลงเหลือเพียง 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ฝ้าย : เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ความต้องการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มลดลง โดยใน พ.ศ. 2566 มูลค่าการส่งออกฝ้ายไปยังจีนเพียง 1.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจาก พ.ศ. 2565 กว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้าวฟ่าง : จีนนำเข้าข้างฟ่างเพื่อทดแทนข้าวโพดในอาหารสัตว์ การแข่งขันจากอาร์เจนติน่าและออสเตรเลีย รวมถึงข้าวโพดราคาถูกจากบราซิลส่งผลให้ความต้องการข้าวฟ่างจากสหรัฐฯ ลดลงใน พ.ศ. 2566 การนำเข้าข้าวฟ่างจากสหรัฐฯ มีมูลค่า 867 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงจาก พ.ศ. 2557 ที่มีมูลค่ากว่า 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้าวสาลี : จีนเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ของโลกการเติบโตของการผลิตภายในประเทศส่งผลให้ความต้องการในต่างประเทศลดลง แม้ว่าผู้ผลิตอาหารยังต้องนำเข้าข้าวสาลีที่มีโปรตีนสูงเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์บางอย่างใน พ.ศ. 2566 จีนนำเข้าข้าวฟ่างจากสหรัฐฯ มูลค่า 319 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการนำเข้าน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางคู่แข่งมากมายทั้ง ออสเตรเลีย รัสเซีย ฝรั่งเศส และแคนาดา
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.