เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ได้ใช้สิทธิ์ฉุกเฉินภายใต้กฎหมายว่าด้วยยาฆ่าแมลง ยากำจัดเชื้อรา และยากำจัดหนู (the Federal Insecticide, Fungicide and Rodenticide Act: FIFRA) ในการระงับการจำหน่ายสารกำจัดศัตรูพืช dimethyl tetrachloroterephthalate (DCPA หรือ Dacthal) โดยมีผลบังคับใช้ทันที นับว่าเป็นการใช้มาตรการฉุกเฉินในลักษณะนี้ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี หลังพบว่าสารดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนไทรอยด์ของทารกในครรภ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น น้ำหนักแรกเกิดที่ต่ำ พัฒนาการทางสมองที่บกพร่อง รวมทั้งทำให้ระดับไอคิวต่ำ
DCPA เป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสารควบคุมวัชพืชทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมและนอกพื้นที่เกษตรกรรม มักใช้กันมากในการปลูกบล็อกโคลี่ กะหล่ำปลี รวมทั้งพืชผลชนิดอื่น ๆ โดยในปี 2566 EPA ได้ประเมินความเสี่ยงของสาร DCPA และพบว่าสารดังกล่าวมีความอันตราย เนื่องจากสามารถตกค้างในระดับอันตรายได้นานมากกว่า 25 วัน แม้ว่าผู้ที่สัมผัสกับสารจะสวมอุปกรณ์ป้องกันก็ตาม อีกทั้งยังพบว่าความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดมักเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ ซึ่ง EPA ประมาณการว่าอาจได้รับความเสี่ยงมากกว่า 4 ถึง 20 เท่า
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทที่ผลิตสารดังกล่าวได้เสนอมาตรการความปลอดภัยใหม่ โดยให้เพิ่มระยะเวลาการรอคอยก่อนที่คนงานจะเข้าไปในพื้นที่ที่ใช้สาร และจำกัดปริมาณสารเคมีที่สามารถสัมผัสได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่บริษัทเสนอมานั้นไม่เพียงพอ และมีความจำเป็นในการออกคำสั่งฉุกเฉินเนื่องจากกระบวนการตรวจสอบแบบปกติต้องใช้เวลานาน และทำให้ผู้คนต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.epa.gov/newsreleases/epa-issues-emergency-order-stop-use-pesticide-dacthal-address-serious-health-risk-4
ที่มา : Dailymail /EPA.gov สรุปโดย : มกอช.