ตั้งแต่เมื่อปี 2559 บริษัทต่าง ๆ และองค์การนอกภาครัฐ (Non-Governmental Organizations: NGO) กว่า 30 แห่งในสหภาพยุโรป (EU) ได้ร่วมกันพัฒนาข้อกำหนดของภาคเอกชนเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์ โดยมีเป้าหมายที่จะพลิกโฉมหน้าการเลี้ยงไก่เนื้อภายในปี 2569 รู้จักกันในชื่อ European Chicken Commitment (ECC)
โดยได้ตกลงร่วมกันว่าจะดำเนินการ ดังนี้ 1) ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสวัสดิภาพสัตว์ของสหภาพยุโรปทั้งหมด ไม่ว่าจะผลิตในประเทศใด 2) ลดความหนาแน่นในการเลี้ยงสัตว์ให้ไม่เกิน 30 กิโลกรัม/ตารางเมตร และไม่สนับสนุนการคัดไก่บางส่วนออก (Thinning) หากจะนำมาใช้ต้องจำกัดที่ 1 ครั้งต่อฝูง 3) เลือกสายพันธุ์ที่ให้ผลดีในด้านสวัสดิภาพสัตว์ โดยเป็นสายพันธุ์ที่กำหนด หรือสายพันธุ์ที่ผ่านตามเกณฑ์ RSPCA (Broiler Breed Welfare Assessment Protocol) 4) จัดพื้นที่ให้กว้างและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ซึ่งรวมถึงจัดให้มีแสงอย่างน้อย 50 lux มีพื้นที่เกาะอย่างน้อย 2 เมตร แท่นให้อาหาร 2 จุดต่อไก่ 1,000 ตัว มีคุณภาพอากาศตามข้อกำหนดขั้นสูงสุดของ Annex 2.3 ตาม EU broiler directive ไม่ว่าจะเลี้ยงที่ความหนาแน่นเท่าใด และไม่เลี้ยงในกรง 5) เปลี่ยนไปใช้วิธีทำให้สลบด้วยแก๊สหรือใช้ไฟฟ้าก่อนการฆ่า 6) รับการตรวจประเมินการปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นจากบุคคลที่สาม และเปิดเผยรายงานความคืบหน้าประจำปีต่อสาธารณะ ในทางกลับกันสมาคมผู้ค้าและแปรรูปไก่ของสหภาพยุโรป (Association of Poultry Processors and Traders หรือ Avec) ได้ออกผลการศึกษาคาดการณ์ว่าการดำเนินการตาม ECC จะเพิ่มต้นทุนการผลิตต่อเนื้อหนึ่งกิโลกรัมขึ้น 37.5% โดยเพิ่มการใช้น้ำและเพิ่มการใช้อาหารสัตว์ขึ้น 35.4% และ 35.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อเนื้อหนึ่งกิโลกรัมขึ้น 24.4% ลดปริมาณผลผลิตเนื้อลง 44% และทำให้ต้องมีการสร้างโรงเลี้ยงไก่ขึ้นใหม่อีก 9,692 หลัง คิดเป็นมูลค่า 8.24 พันล้านยูโร (ประมาณ 324,600 ล้านบาท)
แม้ว่า ECC จะไม่ใช่ข้อผูกพันตามกฎหมาย แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทอาหารมากกว่า 300 แห่งทั่วสหภาพยุโรป รวมถึงร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และคาดว่าธุรกิจอาหารจะใช้ ECC เป็นเกณฑ์ในการจัดซื้อสินค้า หรือให้ความสำคัญกับผู้ผลิตตามเกณฑ์ของ ECC เป็นลำดับแรก จึงอาจทำให้เกิดความท้าทายและอุปสรรคทางการค้าสำหรับผู้ส่งออกสัตว์ปีกที่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในอนาคต
ที่มา : DatamarNews สรุปโดย : มกอช.
