วุฒิสภารัฐอิลลินอยส์ (Illinois) ในสหรัฐอเมริกาอยู่ระหว่างการเสนอร่างกฎหมาย SB2637 ว่าด้วย การห้ามใช้วัตถุเจือปนในอาหาร 4 รายการ ได้แก่ 1) น้ำมันพืชโบรมีน (Brominated Vegetable Oil: BVO) 2) โพแทสเซียมโบรเมต (Potassium bromate) 3) โพรพิลพาราเบน (Propylparaben) 4) สีย้อม (Red dye 3. ) ภายใต้พระราชบัญญัติอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เนื่องจากพบว่าอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพมนุษย์และสัตว์ โดยหากกฎหมายผ่านการอนุมัติจากสภา จะห้ามบุคคลหรือสถานประกอบการผลิตอาหารที่มีสารดังกล่าวเป็นส่วนประกอบ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2570 เป็นต้นไป และห้ามจำหน่าย กระจายสินค้า ถือครอง หรือแจกจ่ายอาหารดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2571 เป็นต้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐในครั้งแรก และครั้งถัดไปไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ครั้ง
โดยทั่วไปจะพบวัตถุเจือปนดังกล่าวได้ในอาหารหลายประเภท น้ำมันพืชโบรมีนช่วยให้สารแต่งกลิ่นซิตรัส (Citrus) มีความคงตัวในเครื่องดื่มประเภทโซดาโดยช่วยให้สารละลายไม่แยกชั้นออกจากกัน โพแทสเซียมโบรเมตและโพรพิลพาราเบนใช้เป็นวัตถุกันเสียในขนมอบ และสี Red dye 3 ใช้เป็นสีย้อมอาหารทั่วไปในลูกอมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ แต่เมื่อปี 2566 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเสนอให้มีการห้ามใช้วัตถุเจือปนอาหารบางรายการ ได้แก่ น้ำมันพืชโบรมีน โพแทสเซียมโบรเมต และไทเทเนียมไดออกไซด์ เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคมะเร็ง การส่งผลต่อต่อมไทรอยด์ และการเปลี่ยนแปลง DNA ของมนุษย์ รวมถึงโพรพิลพาราเบนที่มีคุณสมบัติคล้ายกับโพแทสเซียมโบรเมต ทั้งนี้ บางรัฐของสภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก มีมาตรการควบคุมวัตถุเจือปนดังกล่าวเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สมาคม National Confectioners Association กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจเพิ่มต้นทุนในการผลิตอาหาร ทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และสร้างความสับสนเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร รวมถึงโต้แย้งว่ากฎหมายดังกล่าวควรตั้งอยู่บนการดำเนินการตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวด
ที่มา : Food Safety News สรุปโดย : มกอช.
