TH EN
A A A

สหภาพยุโรปเผยร่างกฎระเบียบการห้ามใช้สาร BPA ในวัสดุสัมผัสอาหาร พร้อมเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ

8 มีนาคม 2567   

                    เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยแพร่ร่างกฎระเบียบว่าด้วยการห้ามใช้สาร Bisphenol A  (BPA) และสารบิสฟีนอลอื่น ๆ ในวัสดุสัมผัสอาหาร (FCM) โดยร่างดังกล่าวเป็นไปตามคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป (EFSA) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2566 ซึ่งได้ระบุว่า “ระดับการสัมผัสสาร BPA ของผู้บริโภคในปัจจุบัน มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ” ด้วยเหตุนี้ EFSA จึงกำหนดปริมาณที่ร่างกายยอมรับได้สูงสุดต่อวัน (Tolerable Daily Intake: TDI) ของ BPA ใหม่ไว้ที่ 0.2 นาโนกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว/วัน ซึ่งต่ำกว่าค่า TDI เดิมที่กำหนดไว้ชั่วคราวที่ 4 ไมโครกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว/วัน ถึง 20,000 เท่า ทั้งนี้ คาดว่าระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569 และคณะกรรมาธิการยุโรปจะเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะจนถึงวันที่ 8 มีนาคม 2567
รายการแก้ไขที่สำคัญ

Article การแก้ไขที่สำคัญ

Article 3

‘การห้ามใช้ BPA’

•  ห้ามใช้สาร BPA ในการผลิต FCM:
        - วัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติติดแน่น (Adhesives)
        - เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (Ion-Exchange Resin)
        - หมึกพิมพ์ (Printing inks)
        - ยาง (Rubber)
        - สารเคลือบเงาและสารเคลือบผิวทั่วไป (Varnishes and coatings)

•  ห้าม จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น หากมีการใช้สาร BPA
•  อนุญาตให้ใช้ bisphenol-A diglycidyl ether (BADGE) และอนุพันธ์ของสารดังกล่าวในการผลิตสารเคลือบเงาและสารเคลือบผิวทั่วไปสำหรับใช้งานกับถังความจุ 250 ลิตรขึ้นไป (BADGE based Heavy-Duty Varnishes and coatings) ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

Article 4
‘ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการใช้บิสฟีนอลและอนุพันธ์ของบิสฟีนอล’
•  ห้ามใช้สารบิสฟีนอลและอนุพันธ์ของสารดังกล่าวในการผลิต FCM 5 ประเภทที่ระบุไว้ใน Article 3 เนื่องจากเป็น “สารก่อมะเร็ง” “สารก่อกลายพันธุ์” และ “เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์” (CMR) ตาม carcinogenic list กลุ่ม 1A หรือ 1B หรือมีผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อและสุขภาพของมนุษย์ตามหมวด 1 ของ Annex VI Part 3 ในกฎระเบียบ EU’s CLP (Regulation (EC) No.1272/2008 ว่าด้วยการจำแนก การติดฉลาก และบรรจุภัณฑ์สารออกฤทธิ์และสารผสม)
•  หากต้องการใช้สารบิสฟีนอลและอนุพันธ์ของสารดังกล่าวในการผลิต FCM 5 ประเภท จะต้องยื่นเอกสารคำร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
Article 5
‘การตรวจติดตามและรายงานผล’
•  ผู้ผลิตต้องตรวจสอบการมีอยู่ของ BPA และค่า Migration ของ BPA ในผลิตภัณฑ์ FCM อย่างน้อย 5% / ล็อต และรายงานไปยังหน่วยงานผู้มีอำนาจของประเทศสมาชิก หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกวางจำหน่าย:
    o BADGE based Heavy-Duty Varnishes and coatings ที่ใช้กับ FCM 
    o Polysulfone resins ในเยื่อกรอง (filtration membranes)
    o กระดาษ แผ่นกระดาน และวัสดุรีไซเคิล
Article 6
‘วิธีการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ’
• ค่า BPA Migration สำหรับ BADGE based Heavy-Duty Varnishes and coatings จะถูกกำหนดตาม Regulation (EU) 10/2011 ว่าด้วยพลาสติกที่สัมผัสอาหาร
Article 7
‘เอกสารแสดงการปฏิบัติตามข้อกำหนด’
• FCM ที่อยู่ใน Annex II ภายใต้ข้อบังคับนี้จะต้องจัดทำเอกสารแสดงการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Declaration of Compliance: DoC)
Article 8
‘การแก้ไข Regulation (EC) 1895/2005’
• ห้ามใช้ BADGE ใน FCM และสิ่งของที่มีความจุน้อยกว่า 250 ลิตร
• ค่า Specific Migration limit ของ BADGE และอนุพันธ์ของ BADGE ใน FCM ที่มีความจุระหว่าง 250 ถึง 10,000 ลิตร ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดใน Annex I
Article 9
‘การแก้ไข Regulation (EU) 10/2011
• ตัด FCM Substance NO. 151 (BPA) ออกจากบัญชี positive list (Table 1 to Annex I)
• เพิ่ม FCM Substance NO. 1091 (disodium 4,4’-isopropylidene diphenolate หรือ disodium BPA, CAS 2444-90-8) พร้อมข้อกำหนดเฉพาะในบัญชี positive list
Article 10
‘ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน’
• FCM 5 ประเภทตาม Article 3 ที่เป็นไปตามข้อกำหนด ก่อนวันที่กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ อาจวางจำหน่ายต่อไปได้อีก 18 เดือน นับจากวันที่กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้
• FCM ที่เป็นไปตามมาตรฐานซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกก่อนสิ้นสุดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน อาจวางจำหน่ายต่อไปได้จนกว่าสินค้าในคลังจะหมด
Article 11
‘การยกเลิก’
• ยกเลิกกฎระเบียบ (EU) 2018/213 ว่าด้วยสาร BPA ในสารเคลือบเงาและสารเคลือบผิวทั่วไป
• แก้ไขกฎระเบียบ (EU) 10/2011 ว่าด้วยสาร BPA ในพลาสติกที่สัมผัสกับอาหาร

                    สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: เอกสารแนบ
 

ที่มา : packaginglaw / SafeGuardS/ ec.europa.eu สรุปโดย : มกอช.

เอกสารดาวน์โหลด

   ชื่อเอกสาร ขนาด จำนวนดาวน์โหลด   
เอกสารแนบ.pdf 502 KB 197

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?