รัฐบาลกลางไนจีเรียอนุมัติการเพาะปลูกข้าวโพดที่ผลิตจากเทคโนโลยีชีวภาพในเชิงพาณิชย์ หรือที่เรียกว่า ข้าวโพด TELA ที่มีความต้านทานแมลงและทนทานต่อสภาวะแล้ง
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 คณะกรรมการแห่งชาติของไนจีเรียว่าด้วยการตั้งชื่อ การจดทะเบียน และอนุญาตพันธุ์พืชพันธุ์ปศุสัตว์/ประมง (National Committee on Naming, Registration, and Release of Crop Varieties, Livestock Breeds/Fisheries: NCNRRCVLF) ได้อนุมัติพืชพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ 23 สายพันธุ์ รวมถึงข้าวโพด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ SAMMAZ 72T, SAMMAZ 73T, SAMMAZ 74T และ SAMMAZ 75T ซึ่งทนต่อสภาวะแล้งและต้านทานต่อหนอนเจาะลำต้นและหนอนกระทู้ผัก สามารถช่วยฟื้นฟูการสูญเสียผลผลิต ลดต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบ รวมทั้งลดการใช้ยาฆ่าแมลง เมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์ลูกผสมแบบดั้งเดิม โดยหากมีการจัดการทางการเกษตรที่ดี ข้าวโพดเหล่านี้จะให้ผลผลิตสูงถึง 10 ตัน/เฮกตาร์ จากปัจจุบันที่ผลผลิตเฉลี่ยของประเทศมีเพียง 2 ตัน/เฮกตาร์
ไนจีเรียได้เข้าร่วมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์ภายใต้โครงการ TELA Maize ในปี 2562 ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดย AATF องค์กรไม่แสวงผลกำไรระดับนานาชาติที่ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยทั่ว Sub-Saharan Africa ด้วยนวัตกรรมทางการเกษตร และองค์กรวิจัยของรัฐบาลในประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำเมล็ดพันธุ์ไปใช้กับพันธุ์ท้องถิ่นได้โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ การอนุมัติของรัฐบาลไนจีเรียในครั้งนี้จึงส่งผลให้บริษัทเมล็ดพันธุ์สามารถผลิตและจำหน่ายข้าวโพดลูกผสม TELA ภายใต้แบรนด์ของตนเองได้
ข้อมูลของ FAS-Lagos คาดว่าเมล็ดพันธุ์ปลูกข้าวโพด TELA ชุดแรกจะถูกนำเข้าจากแอฟริกาใต้ เนื่องจากบริษัทเมล็ดพันธุ์ของไนจีเรียประมาณร้อยละ 95 ไม่สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดดังกล่าวได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา รวมทั้งต้องเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และฝึกอบรมเพิ่มเติม เพื่อให้บริษัท ผู้จัดจำหน่าย และกลุ่มเกษตรกรของไนจีเรีย สามารถผลิตและปรับปรุงการปลูกข้าวโพด TELA ให้ดีขึ้น
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apps.fas.usda.gov/newgainapi/api/Report/DownloadReportByFileName?fileName=Nigeria%20Becomes%20Second%20African%20Country%20to%20Approve%20Biotech%20Corn%20for%20Commercial%20Planting_Lagos_Nigeria_NI2024-0001.pdf
ที่มา : GAIN สรุปโดย : มกอช.
