เมื่อวันอังคารที่ 8 มกราคม 2567 รัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านร่างกฎหมายห้ามการบริโภคและการขายเนื้อสุนัข ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะยุติการกระทำที่เป็นที่ถกเถียงกันมานานหลายศตวรรษ ท่ามกลางการสนับสนุนสวัสดิภาพสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น
ครั้งหนึ่งการบริโภคเนื้อสุนัขถือเป็นวิธีช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ร่างกายในช่วงฤดูร้อนของเกาหลีใต้ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น แต่ต่อมาเมื่อชาวเกาหลีใต้เริ่มมองว่าสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์วิธีการฆ่าสุนัขมากขึ้นเรื่อย ๆ วิธีการเหล่านี้จึงเริ่มลดลงและหายากมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะจำกัดเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและร้านอาหารบางแห่ง นักเคลื่อนไหว กล่าวว่า แม้ว่าผู้เพาะพันธุ์สุนัขและผู้ค้าจะเชื่อว่าตนมีกรรมวิธีที่ก้าวหน้าในการการฆ่าที่มีมนุษยธรรมมากขึ้น แต่สุนัขส่วนใหญ่ยังถูกฆ่าด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตหรือแขวนคอ
ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นคนรักสัตว์ และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ที่เป็นนักวิจารณ์เรื่องการบริโภคเนื้อสุนัข ทำให้การสนับสนุนร่างกฎหมายเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณของผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า ในปี 2565 หนึ่งในสี่ครัวเรือนในเกาหลีใต้มีสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2553
ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอโดยพรรครัฐบาลและได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล มีวัตถุประสงค์ “เพื่อขจัดการบริโภคเนื้อสุนัข” และจะมีผลบังคับใช้หลังจากพ้นระยะเวลาผ่อนผัน 3 ปี โดยการเพาะพันธุ์และฆ่าสุนัขเพื่อผลิตเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภคของมนุษย์จะมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ 30 ล้านวอน (ประมาณ 22,800 ดอลลาร์สหรัฐ) และจะมีการเยียวยาค่าชดเชยเพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถออกจากอุตสาหกรรมนี้ได้
การสำรวจโดย Animal Welfare Awareness, Research and Education สถาบันวิจัยในกรุงโซล เผยว่า ผู้ตอบสอบถามมากกว่า 94% ระบุว่า พวกเขาไม่ได้บริโภคเนื้อสุนัขในปีที่ผ่านมา และ 93% ระบุว่า พวกเขาจะไม่บริโภคเนื้อสุนัขในอนาคต นอกจากนี้ การสำรวจความคิดเห็นอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนที่สนับสนุนการห้ามบริโภคเนื้อสุนัขอยู่ที่ประมาณ 56%
ข้อมูลจากรายงานของกระทรวงเกษตรเกาหลีใต้ เมื่อเดือนเมษายน 2565 ระบุว่า มีฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขประมาณ 1,100 แห่ง เลี้ยงสุนัข 570,000 ตัว เพื่อนำไปขายให้แก่ร้านอาหารประมาณ 1,600 แห่ง และสมาคมเกษตรกรเผยว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อฟาร์ม 3,500 แห่ง ที่เลี้ยงสุนัขประมาณ 1.5 ล้านตัว และร้านอาหาร 3,000 แห่ง
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.