การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากระบบอาหารกลายเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 (COP28) ที่ผ่านมา ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะประธาน COP28 ได้เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ลงนามในแถลงการณ์ระดับผู้นำ ซึ่งให้คำมั่นว่าจะปรับการผลิตอาหารให้สอดคล้องกับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมนวัตกรรมด้านการเกษตร โดยรวมระบบอาหารไว้ในแผนงานระดับชาติเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละประเทศ
ระบบอาหารและภาคปศุสัตว์มีส่วนที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกประมาณ 1 ใน 3 ของโลก และ 1 ใน 5 ของโลกตามลำดับ โดยผลการศึกษาของ World Animal Protection เผยว่า สัตว์ที่เลี้ยงในระบบฟาร์มแบบโรงงานซึ่งคิดเป็น 70% ของสัตว์กว่า 8 หมื่นล้านตัวที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคมีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 6.2 พันล้านตัน/ปี โดยฟาร์มแบบโรงงานทางตอนเหนือของโลกเพียงอย่างเดียวสร้างความเสียหายกว่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น การจัดทำฟาร์มแบบโรงงานจึงควรมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกที่มีส่วนทำให้สภาพภูมิอากาศร้อนขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ เปลี่ยนการอุดหนุนไปสู่การผลิตปศุสัตว์และอาหารจากพืชที่ยั่งยืนมากขึ้น
นอกจากนี้ COP28 ยังจัดการเสวนา “Food4Climate” และ “Food Day” เพื่อเน้นย้ำบทบาทของการผลิตอาหาร ต่อภาวะโลกร้อน การตัดไม้ทำลายป่า และการทำลายที่อยู่ แม้ว่าสิ่งนี้จะถูกมองว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ระบบอาหารก็คิดเป็น 15% ของการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลก
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.
