TH EN
A A A

กฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าของ EU ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของบราซิล 34%

10 พฤศจิกายน 2566   

             รัฐบาลบราซิลประเมินว่ากฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (deforestation free product) จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของบราซิลไปยังยุโรป 34% และส่งผลกระทบต่อการส่งออกทั้งหมดของประเทศ 15% ซึ่งมาตรการนี้ใช้กับสินค้าในกลุ่ม กาแฟ ถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม ไม้ เครื่องหนัง เนื้อวัว โกโก้ และยางพารา โดยกำหนดให้หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทนำเข้าที่อยู่ในสหภาพยุโรปใช้ระบบการตรวจสอบและประเมิน (Due Diligence) เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่อุปทานไม่ได้มาจากพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า และบริษัทจะต้องให้ข้อมูล เช่น พิกัดทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ผลิตสินค้า ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 มิถุนายน 2566 และจะบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม 2567
           รัฐบาลบราซิลได้ส่งตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ (Ministry of Development, Industry and Foreign Trade: MDIC) ไปที่บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อหารือเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงข้อตกลงระหว่างกลุ่ม Mercosur กับสหภาพยุโรป โดย MDIC กล่าวว่า ตัวแทนของรัฐบาลจะแจ้งข้อกังวลของผู้ส่งออกบราซิลเกี่ยวกับกฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทําลายป่า โดยเฉพาะการกำกับดูแล 
          แม้ว่ากฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าจะมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านเพื่อให้เตรียมตัว แต่รัฐบาลบราซิลและภาคการผลิตต่างมีความกังวล เนื่องจากเกรงว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์จากบราซิลไปยังสหภาพยุโรปจะลดลง 
           โดยแถลงการณ์ของสำนักเลขาธิการการค้าต่างประเทศของบราซิล กล่าวว่า พวกเขากำลังพยายามเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ส่งออกบราซิล และหวังว่าข้อมูลของบราซิลจะได้รับการยอมรับจากสหภาพยุโรป  เนื่องจากบราซิลมีระบบการติดตามและตรวจสอบที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติ ผู้ส่งออกจะต้องรับผิดชอบในการพิสูจน์ว่าสินค้าของตนไม่ได้มาจากพื้นที่ที่ตัดไม้ทำลายป่า มิเช่นนั้นจะมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น การทำลายสินค้า ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องปรับปรุงกลไกการติดตามห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดผ่านเครื่องมือติดตามตรวจสอบดาวเทียม การตรวจสอบ และการฝึกอบรมซัพพลายเออร์ แถลงการณ์ในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของการค้าและภาระที่มากเกินไปของผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่ระบุในกฎหมายฉบับนี้ 
           อนึ่ง ในเดือนกันยายน 2566 บราซิลและประเทศกำลังพัฒนาอีก 16 ประเทศ ได้ส่งจดหมายถึงหน่วยงานของสหภาพยุโรปเพื่อแสดงความกังวลต่อกฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า และเรียกร้องให้มีการเจรจาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประเทศผู้ผลิต ขณะที่ประเทศกลุ่มสมาชิก Mercosur ก็มีจุดยืนเช่นเดียวกับบราซิลและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ และอาจทำให้การเจรจาความตกลงทางการค้าของกลุ่ม Mercosur กับสหภาพยุโรปล่าช้าออกไป 

 

 

ที่มา : MercoPress สรุปโดย : มกอช.

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?