เมื่อวันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ออสเตรเลียได้บรรลุข้อตกลงระงับข้อพิพาททางการค้าเกี่ยวกับการนำเข้าข้าวบาร์เลย์ของจีน ถือเป็นสัญญาณล่าสุดของการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างคู่ค้าสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ทั้งสองนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของจีนและออสเตรเลียมีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจีนได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด (anti-dumping duty) ในกลุ่มสินค้าไวน์และข้าวบาร์เลย์ของออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้กรณีออสเตรเลียขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของ COVID-19
หลังจากจีนประกาศการเก็บภาษีนำเข้าข้าวบาร์เลย์ของออสเตรเลียในอัตรา 80.5% ทำให้ผู้ซื้อในจีนได้หันไปซื้อข้าวบาร์เลย์จากแคนาดา ฝรั่งเศสและอาร์เจนตินา และแม้ว่าออสเตรเลียจะสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ส่งออกไปยังตะวันออกกลางได้ แต่ก็ได้ยื่นขอกลไกระงับข้อพิพาทต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2563 อย่างไรก็ตามความตึงเครียดได้คลี่คลายลงตั้งแต่พรรคแรงงานเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศช่วงปี 2565 และมีการเข้าพบหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ถือเป็นการเยือนครั้งแรกของรัฐมนตรีออสเตรเลียนับตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้เกิดการคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าหลายด้าน เช่น การกลับมาซื้อถ่านหินจากออสเตรเลียอีกครั้งในเดือนมกราคม 2566 หรือการเพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าเนื้อวัวจากออสเตรเลีย
ท่าทีของออสเตรเลียต่อจีนในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลียแจ้งว่าจะขอระงับกลไกฟ้องร้องที่ WTO เกี่ยวกับภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (anti-dumping duty) และภาษีตอบโต้การอุดหนุน (countervailing duty) ข้าวบาร์เลย์ของจีน โดยจีนก็จะทบทวนภาษีดังกล่าวพร้อมทั้งให้ความร่วมมือในการแก้ไขข้อพิพาทที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.