FVO ของสหภาพยุโรปรายงานหลังจากการเดินทางไปประเมินระบบการตรวจสอบการเลี้ยงสัตว์ปีกของบราซิลสรุปดังนี้
บราซิลต้องพัฒนาระบบการจัดการการระบาดของไข้หวัดนกให้ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีห้องปฏิบัติการเพียง 1 แห่งทั่วประเทศที่มีศักยภาพในการตรวจสอบไข้หวัดนก ซึ่งในความเห็นของ FVO แล้วไม่เพียงพอต่อการรองรับอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของบราซิลที่มีขนาดใหญ่มากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการระบาดของไข้หวัดนกเกิดขึ้น
บราซิลไม่มีระบบที่สามารถรองรับและตรวจสอบหาโรคนิวคาสเซิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้บราซิลส่งตัวอย่างเนื้อสัตว์ปีกที่ติดเชื้อหรือต้องสงสัยไปยังห้องปฏิบัติการของ OIE หรือห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรปในกรณีที่มีการระบาดเกิดขึ้นครั้งต่อไป
บราซิลไม่มีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ดี และไม่มีระบบตรวจหาเชื้อลิสทีเรียในอาหารแปรรูปพร้อมบริโภคตามระเบียบของสหภาพยุโรป ยังคงมีการตรวจพบในสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการตรวจสอบซากสัตว์หลังการฆ่ายังมีความบกพร่อง และการตรวจสอบปัญหากรณีมีการแจ้งเข้าระบบเตือนภัยอาหารและอาหารสัตว์ของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้บราซิลได้ระบุว่าจะเร่งรัดการสร้างระบบรองรับการระบาดของไข้หวัดนกรวมทั้งการเพิ่มห้องปฏิบัติการ และการจัดส่งเนื้อสัตว์ปีกไปตรวจสอบยังห้องปฏิบัติการอื่น คือห้องปฏิบัติการของสหราชอาณาจักร ซึ่งได้มีการทาบทามการขอส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการของ APHIS ของสหรัฐฯด้วย
ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ
ประจำสหภาพยุโรป กระทรวงเกษตรและสหกรณ์