องค์กรสาธารณะ Boatright จับมือสมาคมผู้ค้าปลีกสินค้าเกษตร (ARA) ค้านการผลักดันมาตรการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติในการใช้สารกำจัดหนูของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (EPA) ทั้งการยกเลิกรายการอนุญาตสารกำจัดหนูยุคเก่า เพิ่มข้อกำหนดเพิ่มเติมบนฉลากและจัดประเภทผลิตภัณฑ์บางอย่างเป็นสาบรกำจัดศัตรูที่จำกัดการใช้งานและต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตปศุสัตว์ พืชสวน ไปจนถึงการจัดการสถานที่สาธารณะ และยังเป็นการลดทอนศักยภาพการจัดการสัตว์พาหะที่มีประสิทธิภาพ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ได้เผยแพร่ข้อมูลรับฟังความเห็นสาธารณะเกี่ยวกับมาตรการที่เสนอใหม่สำหรับสารกำจัดหนู 11 ชนิด ภายใต้เอกสาร Proposed Interim Decision (PIDs) 4 ฉบับที่ครอบคลุม 1. สารกำจัดหนูที่ต้านทานการแข็งตัวของเลือดทั้ง 7 ชนิด 2. โบรเมธาลินและโคลแคลซิเฟอรอล 3. สตริกนิน และ 4. ซิงค์ฟอสไฟต์ ซึ่งหากมีการนำไปใช้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อผลิตภัณฑ์สารกำจัดหนูทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และ ARA พิจารณาแล้วเห็นว่าจะส่งผลให้มีการยกเลิกผลิตภัณฑ์และการใช้งาน เพิ่มข้อกำหนดเพิ่มเติมบนฉลาก และกำหนดข้อจำกัดการใช้งาน
ในขณะที่องค์กรสาธารณะ Boatright เห็นว่าหากข้อเสนอนี้มีผลบังคับใช้ จะเกิดข้อจำกัดมากมายต่อผู้ใช้สารกำจัดหนู เช่น ในกลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์จะต้องเข้าสู่ระบบการฝึกอบรมและรับรองที่ต้องต่ออายุทุกปี ซึ่งจะเพิ่มความยุ่งยาก ต้นทุน และสิ้นเปลืองเวลา หรือการกำหนดแนวทางเก็บซากหนูที่ตายแล้ว และประการสุดท้ายคือข้อกำหนดสำหรับสถานีเหยื่อล่อแบบใช้แล้วทิ้ง ในขณะที่ปัจจุบันนิยมใช้แบบเติมได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนมาตรการเหล่านี้จะส่งผลต่อความยั่งยืนของการผลิตปศุสัตว์และสุดท้ายก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุนสินค้าให้กับผู้บริโภคในที่สุด
หนูถือเป็นสัตว์พาหะที่ส่งผลต่อความปลอดภัยทางชีวภาพที่สำคัญสำหรับฟาร์ม โดยเป็นพาหะทั้งโรคไข้หวัดนกที่ก่อโรครุนแรง (HPAI) ในอุตสาหกรรมสัตว์ปีก หรือเป็นพาหะโรคสัตว์ต่างถิ่นที่ร้ายแรง เช่น โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (AFS) ในอุตสาหกรรมสุกร ซึ่งประเมินว่าปัจจุบันมีโรงเรือนหลายแสนแห่งในสหรัฐฯ ที่หาก EPA ปรับเปลี่ยนมาตรการจะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนการจ้างกำจัดหนูเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การทบทวนมาตรการสารกำจัดหนูของ EPA เป็นการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยมีรอบทบทวนทุก 15 ปี และในครั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งทางกฎหมายเพื่อให้การดำเนินงานของ EPA สอดคล้องกับแนวทางบังคับใช้รัฐบัญญัติว่าด้วยสัตว์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ตามคำสั่งศาลสูงสุดของสหรัฐฯ
ที่มา : AG WEB สรุปโดย : มกอช.