ตัวเลขใหม่จากกระทรวงเกษตร สิ่งแวดล้อม และกิจการชนบทแห่งประเทศไอร์แลนด์เหนือพบว่า ภาคการเกษตรยังคงเป็นภาคส่วนที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุด ซึ่งภาคเกษตรกรรมเป็นเพียงภาคส่วนเดียวที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2533 ในขณะที่ภาคส่วนอื่นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง ซึ่งโดยรวมแล้วการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไอร์แลนด์เหนือลดลงร้อยละ 24 ระหว่างปี 2533 ถึงปี 2563
ก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งรวมถึงคาร์บอนไดออกไซด์และมีเทน จะทำการดักจับความร้อนไม่ให้ออกจากชั้นบรรยากาศ การประมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในรายงานนี้จะครอบคลุมก๊าซเรือนกระจก 7 ชนิด ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน เปอร์ฟลูออโรคาร์บอน ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ และไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ โดยในปี 2563 พบว่าภาคการเกษตรมีการปล่อยมลภาวะคิดเป็นร้อยละ 28 ของการปล่อยมลภาวะในท้องถิ่น ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปี 2533 ในขณะที่ภาคส่วนขนาดใหญ่อื่นๆ ได้แก่ การขนส่ง ที่อยู่อาศัย การจัดหาแหล่งพลังงาน ภาคธุรกิจ การใช้ที่ดินและป่าไม้ ล้วนมีการปล่อยมลภาวะที่ลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว
จากการคาดการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา คาดว่าในปี 2561-2574 ภาคเกษตรกรรมจะมีการปล่อยมลภาวะลดลงเพียงร้อยละ 1 แต่ก็มีการคาดการณ์การว่าสัดส่วนการปล่อยก๊าซจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 32 ภายในปี 2574 เนื่องจากภาคส่วนอื่น ๆ ลดการปล่อยก๊าซในอัตราที่เร็วกว่า รายการนี้ประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2e) 21 ล้านตัน ในปี 2563 ซึ่งลดลงร้อยละ 24 จาก 28 MtCO2e ที่ปล่อยออกมาในปี 2533
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคาดว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี และคาดว่าภายในปี 2574 การปล่อยมลภาวะทั้งหมดจะลดลงร้อย 13 โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการจัดหาพลังงาน เนื่องจากการเลิกใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียม หันไปใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้น รายงานได้เสริมอีกว่าตั้งแต่ปี 2563-2574 ภาคธุรกิจจะมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบหนึ่งในสามของทั้งหมด (ร้อยละ 31) ซึ่งจากปี 2563 การปล่อยมลภาวะจากการขนส่งลดลงร้อยละ 2 และคาดการณ์ว่าในปี 2563-2574 จะลดลงประมาณร้อยละ 8 เนื่องจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการปล่อยก๊าซคาร์บอกไดออกไซด์ของรถยนต์
ที่มา : BBC สรุปโดย : มกอช.
