มะกันลั่นไม่ทิ้งฟาร์มรายย่อยไว้ข้างหลัง

                  เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) แถลงวิสัยทัศน์ว่าจะมีแนวทางปฏิบัติที่รองรับเศรษฐกิจภาคเกษตรที่มีความท้าทายและแข่งขันมากขื้น โดยยืนยันสนับสนุนกิจการฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลาง ถือเป็นการแสดงออกท่าทีที่ชัดเจนไปพร้อมกับการพิจารณาร่างกฎหมายด้านการเกษตร (Agricultural Act หรือ Farm Bill) ที่ถึงกำหนดรอบปรับปรุงก่อนสิ้นสมัยของประธานาธิบดี Biden บนความคาดหวังของสภาที่เสียงส่วนใหญ่พรรคการเมืองตรงข้าม ว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อการยุติความหิวโหยและจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
                  Farm Bill กำหนดวาระทบทวนกฎหมายทุก 5 ปี ถือเป็นรัฐบัญญัติที่สำคัญต่อการกำหนดทิศทางบริหารงบประมาณของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ในหลายด้าน เช่น การสนับสนุนเงินทุนโครงการส่งเสริมโภชนาการ เงินอุดหนุนภาคเกษตร ตลอดจนถึงการให้ความสำคัญต่อกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ โดยฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดบังคับใช้วันที่ 30 กันยายน 2566 ซึ่งในมิติการสนับสนุนฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลางของ USDA มีแนวทางจัดสรรเงินทุนที่สนับสนุนตลาดใหม่สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปลูกด้วยวิธีการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ รวมทั้งขยายขีดความสามารถของสถานประกอบการแปรรูปเนื้อสัตว์ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง และสินค้าที่ไม่ใช่ปศุสัตว์ พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณการผลิตปุ๋ยในประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจแก่พื้นที่ชนบท และยกระดับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
                  อนึ่ง สภาวะการทำเกษตรในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1987 (2530) ที่ผ่านมา พื้นที่เพาะปลูกขนาด 2,000 เอเคอร์ (5,000 ไร่) ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 41 เนื่องจากการรวมตัวเพื่อทำเกษตรกรรม และพบว่าเกษตรกรรายย่อยจำนวนมากอาศัยแหล่งรายได้หลักจากการหางานนอกฟาร์มด้วย

ที่มา : Agriculture/Reuters  สรุปโดย : มกอช.