สมาพันธุ์อาหารและเครื่องดื่มของสหภาพยุโรป หรือ FDF กล่าวว่า เชื่อว่าระเบียบของสหภาพยุโรปที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (EC 2073/2005) เกี่ยวกับเกณฑ์สำหรับอาหารพร้อมบริโภคเกี่ยวกับ Listeria Monocytogenes นั้นดีอยู่แล้ว แต่ต้องการให้มีการนำไปปฎิบัติและบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งมีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็นในการปรับปรุงให้สอดคล้องกับระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพและปฏิบัติได้ง่าย
โฆษกของ FDF กล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกหลายประเทศได้ดำเนินการตามระเบียบของสหภาพยุโรป แต่ก็ยังมีความแตกต่างในการปฏิบัติ การบังคับใช้ และตีความของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละประเทศสมาชิก ถึงแม้จะไม่สามารถกล่าวได้ว่าไม่มีการบังคับใช้และปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ แต่สมาพันธุ์ต้องการให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการอย่างสมบูรณ์ในระดับพื้นที่
ในระเบียบของสหภาพยุโรปกำหนดให้ผู้ประกอบการตรวจสอบผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคและให้มีมาตรการควบคุมที่สร้างความมั่นใจได้ว่า มี Listeria Monocytogenes ต่ำว่า 100 cfu/g ตลอดอายุของอาหารนั้น ในขณะที่สหรัฐฯ กำหนดให้ไม่พบเลย หรือ 0 cfu/g ทั้งนี้ขณะนี้กำลังมีการอภิปรายเรื่องนี้กันอยู่ใน Codex และในคณะทำงานด้านเกณฑ์ไมโครไบโอโลจิเคิลของสหภาพยุโรป ซึ่งสมาพันธ์จะติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง BRC เองก็หารืออย่างใกล้ชิดกับ FSA
ในรายงานของ FSA เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่ามีการพบเชื้อลิสทีเรียเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งในรายงานยังไม่ระบุสาเหตุ แต่กำลังสอบสวนอยู่ทั้งการทำวิจัยและการสำรวจการมีอยู่ของเชื้อในอาหาร เช่น ในเนื้อแล่บางแช่เย็นขายปลีก เป็นต้น
เมื่อต้นปีนี้ EFSA ได้เตือนว่าเชื้อลิสทีเรียได้เพิ่มชึ้นหลังจากที่ลดลงในช่วง 2533 มีการพบเชื้อในคนเพิ่ม 8.6% ในสหภาพยุโรปจาก 1,427 รายในปี 2548 เพิ่มเป็น 1,583 รายในปี 2549 ถึงแม้จำนวนครั้งการระบาดใหญ่ของเชื้อลิสทีเรียจะลดลงก็ตาม มีคำแนะนำให้ทั้งอุตสาหกรรมและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติเพื่อลดเชื้อในการดูแลและเตรียมอาหาร
เชื้อลิสทีเรียถึงแม้จะพบยากและก็มีโอกาสในการที่จะปนเปื้อนในอาหารและก่ออันตรายให้แก่ประชากรบางกลุ่ม เช่น ผู้สูงวัย สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วยบางโรคเช่นมะเร็ง เอดส์
สมาพันธ์อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารท่าทีเกี่ยวกับ Listeria Monocytogenus
CEE-Foodindustry