TH EN
A A A

เอกชนอียูเรียกร้องให้เข้มระเบียบลิสทีเรีย

6 มีนาคม 2551   

              สมาพันธุ์อาหารและเครื่องดื่มของสหภาพยุโรป หรือ FDF กล่าวว่า เชื่อว่าระเบียบของสหภาพยุโรปที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน  (EC 2073/2005) เกี่ยวกับเกณฑ์สำหรับอาหารพร้อมบริโภคเกี่ยวกับ Listeria Monocytogenes   นั้นดีอยู่แล้ว  แต่ต้องการให้มีการนำไปปฎิบัติและบังคับใช้อย่างสมบูรณ์   รวมทั้งมีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็นในการปรับปรุงให้สอดคล้องกับระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพและปฏิบัติได้ง่าย

             โฆษกของ FDF กล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกหลายประเทศได้ดำเนินการตามระเบียบของสหภาพยุโรป  แต่ก็ยังมีความแตกต่างในการปฏิบัติ  การบังคับใช้ และตีความของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละประเทศสมาชิก  ถึงแม้จะไม่สามารถกล่าวได้ว่าไม่มีการบังคับใช้และปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ แต่สมาพันธุ์ต้องการให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการอย่างสมบูรณ์ในระดับพื้นที่

            ในระเบียบของสหภาพยุโรปกำหนดให้ผู้ประกอบการตรวจสอบผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคและให้มีมาตรการควบคุมที่สร้างความมั่นใจได้ว่า มี Listeria Monocytogenes ต่ำว่า 100 cfu/g ตลอดอายุของอาหารนั้น   ในขณะที่สหรัฐฯ กำหนดให้ไม่พบเลย หรือ 0 cfu/g  ทั้งนี้ขณะนี้กำลังมีการอภิปรายเรื่องนี้กันอยู่ใน Codex และในคณะทำงานด้านเกณฑ์ไมโครไบโอโลจิเคิลของสหภาพยุโรป  ซึ่งสมาพันธ์จะติดตามอย่างใกล้ชิด  รวมทั้ง BRC เองก็หารืออย่างใกล้ชิดกับ FSA

            ในรายงานของ FSA เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่ามีการพบเชื้อลิสทีเรียเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งในรายงานยังไม่ระบุสาเหตุ  แต่กำลังสอบสวนอยู่ทั้งการทำวิจัยและการสำรวจการมีอยู่ของเชื้อในอาหาร เช่น ในเนื้อแล่บางแช่เย็นขายปลีก เป็นต้น
เมื่อต้นปีนี้ EFSA ได้เตือนว่าเชื้อลิสทีเรียได้เพิ่มชึ้นหลังจากที่ลดลงในช่วง  2533  มีการพบเชื้อในคนเพิ่ม 8.6% ในสหภาพยุโรปจาก 1,427 รายในปี 2548 เพิ่มเป็น 1,583 รายในปี 2549 ถึงแม้จำนวนครั้งการระบาดใหญ่ของเชื้อลิสทีเรียจะลดลงก็ตาม   มีคำแนะนำให้ทั้งอุตสาหกรรมและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติเพื่อลดเชื้อในการดูแลและเตรียมอาหาร

เชื้อลิสทีเรียถึงแม้จะพบยากและก็มีโอกาสในการที่จะปนเปื้อนในอาหารและก่ออันตรายให้แก่ประชากรบางกลุ่ม เช่น ผู้สูงวัย สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วยบางโรคเช่นมะเร็ง เอดส์

สมาพันธ์อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารท่าทีเกี่ยวกับ Listeria Monocytogenus

CEE-Foodindustry

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?