TH EN
A A A

ญี่ปุ่นประกาศมาตรการในการนำเข้าเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอเพื่อการเพาะปลูกจากประเทศไทย

11 มีนาคม 2565   

               ตามที่ Early Warning แจ้งมาตรการของญี่ปุ่นที่มีต่อเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอเพื่อการเพาะปลูกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ล่าสุด กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) ได้ออกประกาศบังคับใช้มาตรการตามพิธีสารคาร์ตาเฮนาต่อเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอเพื่อการเพาะปลูกจากประเทศไทย ในราชกิจจานุเบกษาญี่ปุ่นแล้ว เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 โดยประกาศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 และจะมีผลกับการนำเข้าตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2565 เป็นต้นไป โดยครอบคลุมทั้งการนำเข้าสินค้า Cargo การนำติดตัวเข้าประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการจัดส่งทางไปรษณีย์ โดยสำหรับผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอจากประเทศไทยเพื่อการเพาะปลูกจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังนี้
               1. เมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอจากประเทศไทยเพื่อการเพาะปลูกที่ส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืชแนบประกอบการส่งออกทุกครั้ง โดยมะละกอเป็นพืชควบคุมเฉพาะตามประกาศกรมวิชาการเกษตร ซึ่งผู้ส่งออกต้องแสดงสำเนารายงานผลการตรวจวิเคราะห์พืชดัดแปรพันธุกรรม (GMOs) ณ ด่านตรวจพืชเพื่อใช้ประกอบการขอรับใบรับรองสุขอนามัยพืช โดยสามารถขอรับบริการตรวจวิเคราะห์ GMOs ได้ที่กลุ่มวิจัยพัฒนาการตรวจสอบพืชและจุลินทรีย์ดัดแปรพันธุกรรม สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร หรือห้องปฏิบัติการเอกชนที่กรมวิชาการเกษตรยอมรับ
               2. ผู้ส่งออกจะต้องประสานงานกับผู้นำเข้าสินค้าในประเทศญี่ปุ่น โดยผู้นำเข้าจะต้องยื่นขออนุญาตนำเข้ากับ MAFF ก่อนการนำเข้าเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วันทำการ ร่วมกับส่งเอกสารแบบฟอร์มที่กำหนด (แบบฟอร์มเป็นภาษาญี่ปุ่น) โดยรายละเอียดที่ต้องแจ้ง MAFF เช่น ชนิดของพืช วัตถุประสงค์ในการนำเข้า ชื่อท่าอากาศยานหรือท่าเรือพร้อมวันที่จะนำเข้า ปริมาณที่นำเข้า เป็นต้น
               3. ผู้นำเข้าจะต้องประสานห้องปฏิบัติการในญี่ปุ่นที่ MAFF ยอมรับ เพื่อรับการตรวจวิเคราะห์พืชดัดแปรพันธุกรรมเมื่อสินค้าส่งถึงด่านนำเข้า ซึ่งห้องปฏิบัติการจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาสุ่มเก็บตัวอย่างและนำไปตรวจสอบ (ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการจำนวน 3 แห่ง ในจังหวัด Kanagawa และ Fukuoka ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบประมาณ 38,000 - 50,000 เยนต่อ 1 กรณี) ทั้งนี้ ผู้นำเข้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
               4. ผู้นำเข้าสามารถดำเนินการนำเข้าได้หากผลการตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีการปะปนของพืชดัดแปรพันธุกรรม แต่หากตรวจพบว่าสินค้ามีการปะปนของพืชดัดแปรพันธุกรรมที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากญี่ปุ่น ผู้นำเข้าจะต้องทำลายสินค้าดังกล่าว
               5. ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 เยน
               จึงขอให้ผู้ที่จะส่งหรือนำเอาเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้ามะละกอไปยังประเทศญี่ปุ่น ระมัดระวัง ตรวจสอบและหารือกับผู้นำเข้าในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดของญี่ปุ่นอย่างถูกต้อง

ที่มา: กลุ่มนโยบายระหว่างประเทศที่ 1 มกอช.

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?