แนวโน้มชี้ให้เห็นว่าความต้องการผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกในตลาดโลกยังคงมีอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับสหรัฐฯ ยังคงเผชิญหน้าการท้าทายภายในทั้งเรื่องต้นทุนอาหารสัตว์ ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของสหรัฐฯ ได้ก้าวมาสู่ขั้นที่มีประสิทธิภาพต่อขนาด มีการเปลี่ยนแปลงด้านพันธุกรรม และด้านการผลิตปีแล้วปีเล่าซึ่งอุตสาหกรรมอื่นไม่สามารถทำได้เท่า
การผลิตไก่ เนื้อวัว เนื้อสุกรทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าการผลิตสุกรจะมีช่วงสูงสุดและลดลงเล็กน้อย และสำหรับไก่เนื้อ สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ตามมาด้วยจีน บราซิลและสหภาพยุโรป โดยทั้ง 4 ประเทศมีผลผลิตรวม 73% ของผลผลิตโลก สหรัฐฯ เป็นผู้ส่งออก 1 ใน 4 ของโลกแต่ไม่ได้พึ่งพิงตลาดหลักเพียงตลาดเดียว ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ได้เปรียบในด้านความมั่นคงในด้านส่งออก
ในด้านการนำเข้า รัสเซียเป็นผู้นำเข้าอันดับ 1 ถึงแม้จะมีการขยายการผลิตในประเทศ ญี่ปุนเป็นอันดับ 2 และจีนเป็นอันดับ 3
การบริโภคต่อหัวแสดงให้เห็นว่ายังคงมีโอกาสการขยายตัวอย่างสูงในผลิตภัณฑ์ไก่ สหรัฐฯ มีอัตราการบริโภคต่อหัวสูงสุด คือ 45 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ตามด้วยบราซิล 40 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เม็กซิโก 25-30 กิโลกรัมต่อคนต่อปีรัสเซีย 15-20 กิโลกรัมต่อคนต่อปีไทย 10-12 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และจีน 7-8 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ตลาดในจีนยังมีศักยภาพในการขยายตัวของความต้องการ ผู้บริโภคซื้อขาไก่และส่วนอื่นๆเพิ่มขึ้นจากเดิมเน้นส่วน wing tips and claws
อย่างไรก็ตาม อนาคตไม่ใช่ว่าสดใสอย่างสมบูรณ์ อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของสหรัฐนอกจากจะเจอกับการพิ่มราคาอาหารสัตว์แล้วยังเจอปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาสุขภาพและโรคระบาด และบางครั้งความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ นโยบายพลังงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกในปีข้างหน้านี้ ในปี 2558 ประมาณ 36% ของผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐฯจะนำไปทำเป็นเอธานอล การเพิ่มขึ้นของความต้องการเชื้อเพลิงไบโอนี้ทำให้ต้องขยายพื้นที่ผลิตข้างโพดเพื่อการนี้ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้จากพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีอยู่หรือจะไปใช้พื้นที่ของพืชอื่น ผู้บริโภคก็มีความกังวลเรื่องวิธีการทำให้สัตว์ปีกสลบก่อนเชือด เงื่อนไขการเลี้ยงที่มีมนุษย์ธรรมในฟาร์ม
ที่มา : Meatpoultry