มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ยืนต้นที่ให้ผลผลิตหลักเป็นส่วนเมล็ดปลายผล ซึ่งสามารถรับประทานได้ในลักษณะเดียวกับเมล็ดไม้ยืนต้นเคี้ยวมัน (นัท) ทั่วไป หนึ่งในพื้นที่ผลิตเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบที่กำลังน่าจับตามอง ได้แก่ ทวีปแอฟริกา ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาการจัดการกับส่วนผลมะม่วงหิมพานต์ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารได้
สถาบันวิจัยทางการเกษตรแห่งประเทศแทนซาเนีย (TARI) จึงริเริ่มส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในประเทศมีการลงทุนกับอุตสาหกรรมแปรรูปส่วนผลของมะม่วงหิมพานต์เพิ่มเติม โดยการสนับสนุนด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการแปรรูปผลมะม่วงหิมพานต์ให้เป็นน้ำผลไม้ แยม ไวน์ สุรากลั่น และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตที่เคยเป็นแต่เพียงเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร อันจะเป็นการเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงหิมพานต์ของแทนซาเนียให้สูงขึ้น โดยทางสถาบันจะส่งเสริมการบริโภคและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ และร้องขอให้ภาครัฐเร่งสร้างโรงงานแปรรูปในพื้นที่เพื่อเป็นการส่งเสริมอีกทางหนึ่งด้วย
ในประเทศไทยอาจยังมีการผลิตมะม่วงหิมพานต์เชิงอุตสาหกรรมไม่แพร่หลายมากนัก แต่แนวทางในการพัฒนาส่งเสริมการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มเชิงบูรณาการนับว่ามีความน่าสนใจและควรประยุกต์ใช้ในประเทศไทย และควรจับตาพัฒนาการของผู้ส่งออกที่สำคัญ ทั้งเวียดนาม และภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งอนาคตจะเป็นคู่แข่งในตลาดที่ไทยกำลังแสวงหาสิทธิประโยชน์ทางการค้าเพิ่มเติม เช่น สหภาพยุโรป
ที่มา : https://dailynews.co.tz/ สรุปโดย : มกอช.