วิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลให้เกิดมาตรการควบคุมโรคจากภาครัฐในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งในสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อให้เกิดปัญหาและผลักดันให้ผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
ธุรกิจร้านอาหารหลายเครือในสหรัฐอเมริกาไม่สามารถเปิดดำเนินการตามปกติได้ และบางส่วนต้องปรับตัวเปิดแต่บริการจำหน่ายให้นำกลับไปรับประทานที่บ้าน ส่งผลให้ผลประกอบการลดลงอย่างมาก และประสบภาวะขาดทุนโดยทั่วไป ในขณะที่บริษัทผู้จัดจำหน่ายต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ไปมุ่งขายวัตถุดิบให้ผู้บริโภคโดยตรงแทนการขายให้ร้านอาหารอย่างที่เคยเป็นมา ในส่วนของผู้ประกอบการด้านการผลิตและแปรรูปเองก็ประสบปัญหาทั้งจากการจัดจำหน่ายและการบริหารจัดการ ที่มีพนักงานบางส่วนติดเชื้อโควิด-19 จนธุรกิจดำเนินต่อได้อย่างยากลำบาก ในเบื้องต้นรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีมาตรการเยียวยาผ่านกระทรวงเกษตรเป็นเงินทั้งสิ้น 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นการให้เงินช่วยเหลือผู้ผลิตที่ได้รับผลประทบโดยตรง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการจัดซื้อผลผลิตมาแปรรูปแบ่งบรรจุ ก่อนนำส่งให้กับธนาคารอาหารชุมชน สถาบันทางศาสนา และองค์การไม่แสวงหากำไรต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนต่อไปอีก 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ผู้ประกอบการหลายฝ่ายยังมองว่าการช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอชดเชยความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น แต่เป็นการเริ่มต้นช่วยเหลือเยียวยาที่ดีและหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเพิ่มเติมตามมา
ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และรัฐบาลไทยก็มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มต่าง ๆ ในระดับหนึ่ง แต่ผู้ประกอบการไทยเองก็ยังควรเตรียมพร้อมต่อการปรับตัวและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สรุปโดย : มกอช.