พื้นที่ปลูกมะเขือเทศในประเทศไนจีเรียกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการเข้าทำลายของผีเสื้อกลางคืนชนิด Tuta absoluta ที่กัดกินสร้างความเสียหายให้กับต้นมะเขือเทศอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนเรียกกันว่าเป็นโรคอีโบลามะเขือเทศ ทำให้ผลผลิตขาดตลาดจนราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่เกษตรกรในพื้นที่ก็ยังขาดแคลนรายได้เพราะไม่มีผลผลิตไปขาย
ผีเสื้อกลางคืนชนิดดังกล่าวระบาดมากในยุโรปและอเมริกาใต้ ก่อนที่จะพบระบาดหนักในไนจีเรียในปี 2016 และ 2017 แล้วกลับมาระบาดหนักอีกครั้งในปีนี้ ทำให้เกษตรกรไนจีเรียประสบปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อประกอบกับอุณหภูมิที่ขึ้นสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงต่อต้นมะเขือเทศ และยิ่งเมื่อพบกับการล็อคดาวน์จากโควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวมะเขือเทศที่ควรเก็บเกี่ยวได้จนผลผลิตเน่าเสียคาสวนด้วยแล้วยิ่งทำให้เกษตรกรประสบปัญหาทางการเงินอย่างที่สุด และมีการเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้เกษตรกรจำนวนมากลงทุนทำเกษตรกรรมผ่านโครงการกู้ยืม มีการปลูกมะเขือไปบนเนื้อที่ราว 2,500 เฮกตาร์ แต่ก็สูญเสียผลผลิตไปเกือบทั้งหมด
ปัญหาเหล่านี้มีความพยายามแก้ไขโดยทดลองปลูกมะเขือเทศสายพันธุ์อื่น ๆ แต่ยังไม่พบสายพันธุ์ที่เหมาะสมต่อการต้านทานศัตรูพืชในพื้นที่ จากกรณีดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่าปัญหาภัยธรรมชาติต่าง ๆ สามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการเกษตรได้มาก การทำเกษตรกรรมจึงควรมีการวางแผน บริหารจัดการ ประเมินและควบคุมความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
ที่มาn: https://www.premiumtimesng.com/ สรุปโดย : มกอช.