ผู้เชี่ยวชาญ ด้านหม่อนไหมของเวียดนาม แนะนำให้มีการใช้พันธุ์หม่อนไหมที่ให้ผลผลิตสูง และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศของเวียดนามได้ เพื่อลดการพึ่งพานำเข้าตัวอ่อนไหมจากจีน และประเทศอื่นๆ
โดยศูนย์วิจัยหม่อนไหมเวียดนาม เรียกร้องให้กระทรวงเกษตร และการพัฒนาชนบทของเวียดนาม เห็นชอบอนุมัติให้ดำเนินการโครงการวิจัยการปรับปรุงหม่อนไหม ปี 2564 – 2568 ซึ่งประธานสมาคมหม่อนไหมของเวียดนาม เผยในอีก 10 – 15 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมหม่อนไหมจะขาดวัตถุดิบสำหรับการผลิตผ้าไหมในประเทศ เว้นแต่ว่าประเทศจะพัฒนากลยุทธ์ที่ยั่งยืน ในขณะที่ กรมปศุสัตว์ของเวียดนาม เผยปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมหม่อนไหมของเวียดนามได้พึ่งพาการนำเข้าพันธุ์ไหมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการนำเข้าไข่ไหมจากประเทศจีนกว่าร้อยละ 90 ผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการ และเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 เนื่องจากการนำเข้าผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งไม่ได้รับการตรวจสอบคุณภาพ และควบคุมโรค อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ผลิตไหมในเวียดนาม โดยประธานสมาคมหม่อนไหมของเวียดนาม แนะแนวให้กระทรวงเกษตร และพัมนาชนบทของเวียดนาม ทำงานร่วมกับจีน เพื่อใช้การนำเข้าไข่ไหมผ่านช่องทางถูกกฎหมาย และควรใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกงทางการค้า เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับไข่ไหมที่มีคุณภาพ
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และพัฒนาชนบทของเวียดนาม เผยการผลิตผ้าไหมของเวียดนามจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลก รองจาก จีน อินเดีย อุซเบกิสถาน และไทย และเป็นตลาดการค้าที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ ด้านหม่อนไหม แนะภาคอุตสาหกรรมหม่อนไหมควรดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มการใช้เทคโนโลยี กระจายผลิตภัณฑ์ และช่วยองค์กรต่างๆ สร้างแบรนด์สำหรับผ้าไหมของเวียดนาม
อนึ่ง สมาคมหม่อนไหมของเวียดนาม รายงานในปี 2562 เวียดนามสามารถผลิตหม่อนไหมได้จำนวน 9200 ตัน ผลิตผ้าไหมได้มากกว่า 1500 ตัน และเส้นไหมมากกว่า 5.2 ล้านเมตร ซึ่งเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกต้นหม่อนไหมมากถึง 15,000 เฮกตาร์ โดยเฉพาะจังหวัด เลิมด่ง (Lâm Đồng) ที่มีพื้นที่เพาะปลูกต้นหม่อนไหมมากถึง 8,500 เฮกตาร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 73 ของการผลิตทั้งประเทศ ซึ่งจังหวัดดังกล่าวได้มีการพัฒนาต้นหม่อน การเลี้ยงไหม การสาวไหม และการทอเส้นไหม
ที่มา : https://vietnamnews.vn/ สรุปโดย : มกอช.