สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (The Vietnam Chamber Of Commerce and Industry: VCCI) กล่าวว่า ความตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป (EVFTA) จะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกของเวียดนาม โดยเฉพาะเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ถึงร้อยละ 44 ภายในปี 2573 รวมทั้งคาดว่าจะช่วยให้ GDP ในประเทศเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 7.07-7.72 ในช่วงปี 2572-2576 ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อภาคการผลิตสินค้า ภาคการแปรรูปอาหาร และอุตสาหกรรมเกษตร
นอกจากนี้ อีก 5 ปีข้างหน้า การส่งออกสินค้าเกษตรและประมงของเวียดนาม รวมถึงสินค้าสำคัญของเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ดังนั้น ผู้ประกอบการท้องถิ่นควรเตรียมพร้อมเครื่องมือ โครงสร้างพื้นฐาน และกำลังการผลิต เพื่อให้ได้มาตรฐานเป็นไปตามความต้องการของตลาดปลายทาง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหภาพยุโรปถือเป็นตลาดสำคัญในการนำเข้าปลาสวาย (Tra) ของเวียดนาม สร้างมูลค่ารายได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สอดคล้องกับที่สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาสวายกล่าวในปี 2561 ว่า ตลาดนำเข้าเนื้อปลาสวายเวียดนามรายใหญ่สามประเทศ ประกอบด้วย จีน สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสถิติเดือนมกราคม 2562 รายงานว่าสหภาพยุโรปได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าอันดับสองแทนสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่ง EVFTA จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมปลาสวายด้วย
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการได้สิทธิพิเศษในการส่งออกสินค้าแบบปลอดภาษี เวียดนามยังคงต้องหลีกเลี่ยงมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอีก ซึ่งหากผู้ส่งออกของเวียดนามปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดจะสามารถเข้าสู่ตลาดได้โดยไร้ปัญหา โดยผู้เชี่ยวชาญขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่จะทำให้เวียดนามยังคงความสามารถทางการแข่งขันได้หลังจาก EVFTA เริ่มมีผลคือการพัฒนาและรักษาตำแหน่งทางการตลาดผลิตภัณฑ์ (Products position) ในประเทศให้ได้ก่อนที่จะส่งออก
ที่มา : en.vietnamplus.vn สรุปโดย : มกอช.
