สมาคมพืชสวนนานาชาติ (ISHS) เผยว่า ปัจจุบันเวียดนามก้าวเป็นผู้ส่งออกลิ้นจี่อันดับ 2 ของโลก ด้วยส่วนแบ่ง 19% ในตลาดโลก เป็นรองแค่เพียงมาดากัสการ์ที่มีส่วนแบ่ง 35% และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด ส่วนผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับถัดจากเวียดนาม ได้แก่ จีน ไทย และแอฟริกาใต้ โดยการครองสัดส่วนคิดเป็น 18% 10% และ 9% ตามลำดับ
ในส่วนของผลผลิต จีนยังคงเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ด้วยปริมาณการผลิต 2 ล้านตันต่อปี ตามมาด้วยอินเดียที่สามารถผลิตได้ 677,000ตันต่อปี โดยลิ้นจี่กว่า 99% ของอินเดียถูกบริโภคภายในประเทศ ส่วนเวียดนามสามารถผลิตได้ 380,000 ตันต่อปี ถึงแม้จะมีผลผลิตลิ้นจี่น้อยกว่าจีนและอินเดีย แต่เนื่องจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวและความแตกต่างของคุณภาพเมล็ดพันธุ์ เวียดนามจึงมีความได้เปรียบอย่างมากในการส่งออกลิ้นจี่
กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนามกล่าวว่า พื้นที่ปลูกต้นลิ้นจี่ในจังหวัดบั๊กซางของเวียดนามมีมากกว่า 28,500 เฮกตาร์ โดยพื้นที่มากกว่า 14,000 เฮกตาร์ผลิตลิ้นจี่ภายใต้มาตรฐาน VietGAP และ GlobalGAP พร้อมทั้งคาดว่าปี 2562 นี้จังหวัดบั๊กซางจะมีผลผลิตลิ้นจี่ถึง 150,000 ตัน ซึ่งผลผลิตที่ได้นอกจากบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปตลาดจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ เวียดนามยังมีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่ในภูมิภาคอื่นอีก 18 แห่งที่ได้รับการรับรอง (Plantation region codes) จากกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) และมีพื้นที่อีก 36 แห่งเพิ่งผ่านมาตรฐานการส่งออกไปจีนในปีนี้
อนึ่ง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยผักและผลไม้เวียดนามกล่าวว่า การส่งออกผลไม้สดมักจะเผชิญกับข้อเรียกร้องที่เข้มงวดในเรื่องของคุณภาพ การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) และการกักกันนำเข้าของตลาดอื่นๆ ในขณะที่ผลไม้แปรรูปจะไม่พบกับอุปสรรคด้านการกักกันศัตรูพืชทั้งหมด แต่ทั้งนี้ปริมาณการบริโภคผลไม้แปรรูปทั่วโลกคิดเป็นเพียง 10%เท่านั้น ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญต้องการให้ภาคธุรกิจมาลงทุนมากขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพและส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด
ที่มา : en.vietnamplus.vn สรุปโดย : มกอช.