การที่เวียดนามเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP: The Comprehensive and Progressive Agreement for Trans - Pacific Partnership) ได้เพิ่มโอกาสและการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมหลายภาคส่วนของเวียดนาม รวมถึง ภาคเกษตรกรรมด้วย ในการนี้ หัวหน้าหน่วยงานด้านแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนามกล่าวว่า บริษัทเวียดนามจะสามารถขยายตลาดการส่งออกไปยังประเทศใหญ่ ๆ ของโลกบางประเทศได้ และยังสามารถผลักดันผลผลิต แปรรูปที่มีมูลค่าสูงให้อยู่ในห่วงโซ่อุปทานสากล นอกจากนี้ ผู้ผลิตสินค้าผลไม้และผักแปรรูป และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม จะได้ประโยชน์แลกเปลี่ยนคือต้นทุนการผลิตต่ำและค่าแรงงานที่ต่ำลง ประกอบกับมีอุปทานที่อุดมสมบูรณ์
ทั้งนี้ ภาคการเกษตรควรที่จะเปลี่ยนโครงสร้างใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ความยั่งยืน และขอบเขตการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ได้จากความตกลง CPTPP ได้อย่างเต็มที่และลดผลกระทบของการแข่งขันที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเริ่มมุ่งเน้นที่สินค้าระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น แล้วนำมาบูรณาการกับระบบสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) และโครงการ one commune, one product ในขณะที่ ภาคอุตสาหกรรมไม้ก็จะได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเวียดนามไปยังแคนาดา เม็กซิโก และเปรู ซึ่งรองนายกสมาคมหัตถกรรมและอุตสาหกรรมไม้นครโฮจิมินห์ และรองประธานสมาคมผลิตภัณฑ์ไม้ซุงและวนผลิตภัณฑ์เวียดนาม (VIFORES) มีความเห็นว่า สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากความตกลง CPTPP จะช่วยให้ราคาสินค้าลดลงและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และนอกจากภาษีเฟอร์นิเจอร์ไม้จะลดลงแล้ว อุปกรณ์ภาษีในการแปรรูปไม้จะลดลงเหลือศูนย์เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังแนะนำอีกว่าบริษัทในเวียดนามควรพัฒนาบรรษัทภิบาล (corporate governance) กระบวนการทางเทคนิคและการตลาดด้วย
ที่มา : en.vietnamplus.vn สรุปโดย : มกอช.
