ปริมาณส่งออกสินค้าพืชตระกูลส้มของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะจีนที่เป็นตลาดหลักเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปี เฉลี่ยปีละ 8% รวมยอดส่งออกมากกว่า 280,000 ตัน โดยสรุปสถานการณ์ตลาดส่งออกส้มที่สำคัญของออสเตรเลียในปี 2561 ได้ดังนี้
1. เกาหลีใต้ ปัจจุบันเกาหลีใต้กำลังพัฒนาการตลาดเพื่อรองรับส้มจากออสเตรเลีย โดยในปี 2561 ได้เพิ่มการปริมาณการสั่งขึ้น 48% หรือกว่า 3,000 ตัน ประกอบกับข้อตกลงการค้าเสรีที่กำลังจะประกาศใช้ ซึ่งจะทำให้ภาษีศุลกากรจะลดลงเป็นศูนย์ในปี 2563 ทำให้สมาคม Citrus Australia เล็งเห็นโอกาสที่จะขยายตลาดซีตรัสในประเทศเกาหลีใต้
2. จีนและฮ่องกงในปี 2561 ออสเตรเลียส่งออกซีตรัสเข้าประเทศจีนรวมถึงฮ่องกงประมาณ 44% (ข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2561) ส่งออกไปยังญี่ปุ่น 15% ซึ่งจะเห็นได้ว่า สัดส่วนตลาดจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551 ที่ปริมาณการส่งออกไปยังจีนรวมถึงฮ่องกงอยู่ที่ 17%
3. ตลาดอาเซียนยังคงเป็นตลาดผู้นำเข้าที่สำคัญของออสเตรเลียโดย ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ได้ขึ้นมาเป็นตลาดสำคัญของการส่งออกส้มซีตรัส ส่วนสิงคโปร์มีปริมาณการสั่งส้มคงที่ที่ปริมาณ 10,000 ตัน ในขณะที่มาเลเซียซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค กลับลดลงกว่า 50% ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
4. ในส่วนของตลาดตะวันออกกลางได้เพิ่มการสั่งซื้อส้มของออสเตรเลียเฉลี่ยปีละ 3% ตลอดสิบปีที่ผ่านมา แต่เฉพาะในปี 2561 ได้มีสินค้าส้มจากแหล่งอื่นเข้ามามีส่วนแบ่งในภูมิภาคโดยสินค้าได้ถูกกระจายไปยังประเทศปลายทางมากขึ้น จากเดิมที่เป็นการค้าแบบภูมิภาคผ่าน UAE ในฐานะแหล่งกระจายสินค้าหลัก
5. ภูมิภาคยุโรปยังคงเป็นตลาดปลายทางขนาดเล็กสำหรับซีตรัสจากออสเตรเลีย เนื่องจากมีสินค้าแทนที่ผลไม้จากออสเตรเลียที่ต้องส่งทางไกลและมีค่าขนส่งสูง
6. อเมริกาเหนือที่เคยเป็นผู้นำด้านการตลาดครองสัดส่วนการส่งออกจากออสเตรเลียอยู่ถึง 22% ในปี 2561 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 7% เนื่องจากออสเตรเลียซึ่งเปลี่ยนทิศทางการตลาดโดยมุ่งไปที่ประเทศจีน แต่มูลค่าการค้าหรือส่งออกไปยังภูมิภาคอเมริกาเหนือยังคงเพิ่มขึ้น 8% เนื่องจากมีการสั่งซื้อส้มแมนดารินเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะมลรัฐหรือชายฝั่งตะวันตกของประเทศแถบอเมริกาเหนือ
ทั้งนี้ ซีตรัสจากออสเตรเลียเริ่มมุ่งไปสู่การพัฒนาการส่งออกอย่างยั่งยืน และเอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบธุรกิจทั้งขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ นอกจากนั้นออสเตรเลียยังมีสายพันธุ์ส้มไร้เมล็ดและอยู่ระหว่างการพัฒนาแมนดารินไร้เมล็ดพันธุ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมการขยายตัวของตลาดในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ที่มา : : www.fruitnet.com
สรุปโดย มกอช.