TH EN
A A A

EU อนุญาตสารเสริมในอาหารสัตว์เพิ่ม 8 รายการ

5 ตุลาคม 2560   

                เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560  คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ Commission Implementing Regulation (EU) 2017/1490 และ   1492 โดยอนุญาตอาหารเสริมในอาหารสัตว์เพิ่มจำนวน  8 รายการ ซึ่งผ่านการพิจารณาแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ได้แก่
     1. manganous chloride tetrahydrate
     2. manganese (II) oxide
     3. manganous sulphate monohydrate
     4. manganese chelate of amino acids hydrate
     5. manganese chelate of protein hydrolysates
     6. manganese chelate of glycine hydrate
     7. dimanganese chloride trihydroxide
     8. cholecalciferol
                โดยองค์การความปลอดภัยอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) ได้พิจารณากำหนดสารดังกล่าวเป็นสารประเภทบำรุงร่างกาย พร้อมเปลี่ยนชื่อสาร Manganese oxide เป็น Manganese (II) oxide และ Manganese hydroxychloride เป็น dimanganese chloride trihydroxide เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด และไม่อนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวผสมในน้ำดื่มสำหรับสัตว์ เนื่องจากสารดังกล่าวมีความเป็นพิษสูงต่อผู้ปฏิบัติการ หากสัมผัสกับผิวหนังและตา จึงต้องกำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติ
                อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบดังกล่าวได้อนุโลมช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้
     (1) สารดังกล่าวและสารผสมล่วงหน้า ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่  11 มีนาคม 2561 โดยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อนวันที่ 11 กันยายน 2560 จึงจะสามารถวางจำหน่าย และใช้ได้จนกว่าสินค้าจะหมด
     (2) อาหารสัตว์ผสม และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ที่มีส่วนประกอบของสารดังกล่าว สำหรับสัตว์ที่เลี้ยงไว้บริโภคเนื้อ ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 11 กันยายน 2561 จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อนวันที่ 11 กันยายน 2560
     (3) อาหารสัตว์ผสม และวัตถุดิบอาหารสัตว์ มีส่วนประกอบของสารดังกล่าว สำหรับสัตว์ที่เลี้ยงไว้ แต่ไม่ใช้บริโภคเนื้อ ที่ผลิตและติดฉลากก่อนวันที่ 11 กันยายน 2562 จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อนวันที่ 11 กันยายน 2560 จึงจะสามารถวางจำหน่ายได้จนกว่าสินค้าจะหมด
                ทั้งนี้  กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 20 วัน หลังจากประกาศ (ประกาศ ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2560) (มีผลบังคับใช้แล้ว)


ที่มา: thaieurope.net สรุปโดย: มกอช.

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?