ในปัจจุบันอินโดนีเซียประสบปัญหาราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศซึ่งผลิตปาล์มน้ำมันคิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของทั้งประเทศ มีแนวโน้มจะลดปริมาณการผลิตซึ่งจะทำให้ผลผลิตทั่วประเทศลดลงร้อยละ 5 และหากสถานการณ์ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (Crude palm oil: CPO) ในช่วงปลายปี 2558 ถึงต้นปี 2559 จะลดลง 1.5 ล้านตัน จากปริมาณการผลิตในปัจจุบัน
อีกทั้งในขณะนี้พบว่าบริษัทน้ำมันปาล์มรายใหญ่ได้รวมธุรกิจการเพาะปลูกและโรงกลั่นไว้ด้วยกัน ทำให้มีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่กับเกษตรกรรายย่อย เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ทำการเพาะปลูก กลั่น และแปรรูปเอง ส่งผลให้ช่วงที่มีภาวะผลผลิตปาล์มน้ำมันล้นตลาดหรือราคาตกต่ำ ผู้ผลิตรายใหญ่จะไม่รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อย
ปีที่มีราคาจำหน่ายปาล์มน้ำมันตกต่ำใกล้เคียงกับปัจจุบันคือปี 2551 ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรรายย่อยมีหนี้สินไม่สามารถจ่ายค่าแรงคนงาน บางรายไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตปล่อยให้ผลปาล์มเน่าเสียคาต้นเนื่องจากราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ หรือเลิกกิจการปลูกปาล์มน้ำมันหันไปประกอบอาชีพอื่น ทั้งนี้ในปี 2557 แม้ผู้ผลิตรายย่อยจะเรียกร้องให้ภาครัฐสนับสนุนด้านนโยบายและงบประมาณ แต่ปัจจุบันภาครัฐกำลังเน้นการปฏิบัตินโยบายเพื่ออุดหนุนราคาเชื้อเพลิงปิโตรเลียมและยังไม่พร้อมพิจารณาการอุดหนุนราคาปาล์มน้ำมัน
ที่มา : Reuters สรุปโดย: มกอช.
