คณะกรรมาธิการยุโรปเผยแพร่รายงานการคาดการณ์ระยะกลางของตลาดสินค้าเกษตรหลักที่สำคัญของ EU รายงโดยระบุว่าสินค้าที่สำคัญ เช่น ข้าวสาลี น้ำตาล เนื้อสัตว์ จะยังคงที่และมีแนวโน้มดีในอีก 7 ปี นับจากนี้
- ผลผลิตพืช
ราคาผลผลิตพืชในระยะกลางมีแนวโน้มในทางบวก เนื่องจากมีอุปทานสูงและราคาที่ไม่ผันผวน และอุปสงค์ของอาหารและอาหารสัตว์คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในขอบเขตที่จำกัด โดยมีตลาดเชื้อเพลิงชีวภาพเป็นปัจจัยด้านอุปสงค์ที่สำคัญ
- น้ำตาล
การคาดการณ์ระยะกลางของน้ำตาลและน้ำตาลบีทมาจากราคาในตลาดโลก เนื่องจากอุปสงค์เอธานอลที่เพิ่มขึ้น และการยกเลิกระบบโควตาในปี 2560 โดยการผลิตน้ำตาลบีทของ EU คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มในทศวรรษหน้า และเมื่อยกเลิกระบบโควตาแล้วราคาน้ำตาลในและนอกโควตาจะค่อยๆ ปรับมาเท่ากัน และการผลิตเอธานอลจากบีทจะมีความสามารถในการแข่งขันลดลง นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการใช้ isoglucose แทนน้ำตาลมากขึ้นในอาหารบางประเภทภายหลังจากยกเลิกระบบโควตา
- เนื้อสัตว์
การบริโภคในภาพรวมยังคงที่ เนื่องจากแรงอุปสงค์ของตลาดโลก โดย EU คาดว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จะกระตุ้นให้ความสามารถในการจับจ่ายบริโภคเนื้อสัตว์ได้มากขึ้น ซึ่งในปี 2556 ระดับการบริโภคต่อหัวต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี และคาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2557 ทั้งนี้สัตว์ปีกน่าจะเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูงที่สุด เนื่องจากมีราคาที่ต่ำ และเนื้อสุกรยังเป็นสินค้ายอดนิยมในตลาด EU ในขณะที่การบริโภคเนื้อวัวและเนื้อแกะคาดว่าจะลดลง
อนึ่งไทยมีข้อได้เปรียบทางตลาดสัตว์ปีกเนื่องจากสามารถส่งออกไปยัง EU และมีแนวโน้มของตลาดจะเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกในโควตาอัตราภาษีต่ำ ดังนั้นไทยจึงควรรักษาระดับมาตรฐานสินค้าสัตว์ปีกเพื่อการส่งออกไปยังตลาด EU ต่อไปในอนาคต และจากการยกเลิกระบบโควตาน้ำตาล ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป รวมไปถึง
การใช้ isoglucose แทนน้ำตาลนอาหารบางประเภทอาจจะส่งผลต่อการนำเข้าน้ำตาลจากไทยได้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://ec.europa.eu/agriculture/markets-and-prices/medium-term-outlook/2013/fullrep_en.pdf
ที่มา : มกอช./สปษ.บรัสเซลส์
