EU ได้ออกกฎระเบียบ Commission Regulation (EU) No 142/2011 of 25 February 2011 implementing Regulation (EC) No 1069/2009 of the European parliament and of the Council ว่าด้วยการออกข้อกำหนดสุขอนามัยสำหรับผลิตภัณฑ์พลอยได้จากสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ได้จากวัสดุเหลือใช้จากสัตว์ที่ไม่ใช่สำหรับเพื่อการบริโภคของมนุษย์ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. กฎระเบียบใหม่นี้เป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบเดิม คือ Regulation (EU) No 142/2011 เพื่อให้สอดคล้องกับ Commission Regulation (EU) 1099/2009 of the 26 October 2009 on protection of animals at killing ซึ่งควบคุมการฆ่าสัตว์ให้เป็นไปตามหลักการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี กฎระเบียบดังกล่าวได้มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ประเทศที่สามที่ส่งออกเนื้อไปจำหน่ายที่ EU จะต้องให้การรับรองการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน (equivalent) ในเรื่องดังกล่าวกับประเทศสมาชิก EU (เพื่อรับรองว่าการเชือดจะเป็นไปอย่างไม่ทรมานสัตว์) ตามที่ระบุใน Chapter II และ III ของกฎระเบียบดังกล่าว โดยประเทศไทยในฐานะประเทศคู่ค้าจะต้องให้การรับรองความทัดเทียมกันทางมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ โดยต้องปรับเพิ่มข้อความการรับรองในใบรับรองสุขอนามัยสัตว์ที่ทาง EU กำหนดขึ้น (สินค้าที่เกี่ยวข้องในส่วนของไทย คือ สินค้าเนื้อสัตว์ปีก)
2. EU ได้ออกแบบฟอร์มใบรับรองสุขอนามัย (Model Health Certificate) ขึ้นใหม่เพื่อให้ครอบคลุมในส่วนของผลิตภัณฑ์พลอยได้จากสัตว์ (animal by-product) ด้วยจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่
1. Model health certificate for raw pet food for direct sale or animal by-product to be fed to fur animals, intended for dispatch to or for transit through the European Union
2. Model health certificate for animal by-product for the manufacture of pet food, intended for dispatch to or for transit through the European Union
3. Model health certificate for animal by-product to be used for purpose outside the feed chain or for trade samples intended for dispatch to or for transit through the European Union
3. EU อนุโลมให้ระยะเวลาเปลี่ยนผ่านสำหรับสินค้าผลิตภัณฑ์พลอยได้จากสัตว์ที่ใช้แบบฟอร์มเดิมตามภาคผนวก XV ของ Regulation (EU) No 142/2011 ที่ออกให้ก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ให้สามารถใช้ประกอบการนำเข้าได้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2557 เป็นอย่างช้า
ทั้งนี้กฎระเบียบฉบับนี้จะมีผลตามกฎหมาย 20 วันภายหลังจากที่ประกาศใน EU official Journal (ประกาศ วันที่ 26 กรกฎาคม 2556) และให้ปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2556