TH EN
A A A

สหภาพยุโรปแก้ไขระบบควบคุมการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์

11 มิถุนายน 2556   

                คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศกฎระเบียบใหม่เพื่อแก้ไขข้อกำหนดและเงื่อนไขการควบคุมการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ได้แก่  Commission Implementing Regulation (EU) No 392/2013 of 29 April 2013 amending Regulation (EC) No 889/2008 as regards the control system for organic production ใน EU Official Journal L 118/5 เชื่อมโยงกับ Regulation (EC) No 834/2007 as regards the arrangements for imports of organic products from third countries สามารถให้ประเทศที่สามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสหภาพยุโรปได้ โดยอาศัยการรับรองสินค้าจาก Control Authority (CA) เป็นหน่วยงานรับรองของรัฐ และ Control Body (CB) เป็นหน่วยงานรับรองของเอกชนขั้นตรงกับ EU ในส่วนของการขอขึ้นบัญชีรายชื่อ CA และ CB หน่วยงานรับรองในประเทศที่สามสามารถยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวได้

                  1. กฎระเบียบใหม่นี้เป็นการปรับปรุงข้อกำหนดของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับระบบการควบคุมการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่งแต่เดิมกฎระเบียบ Regulation (EC) No 889/2008 กำหนดให้ผู้ประกอบการ จะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ คือ จะต้องแจ้งการดำเนินการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ของตนและข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับ CB ให้หน่วยงานรับผิดชอบหลัก (CA) ทราบ รวมทั้งจะ ต้องลงนามในใบสำแดงว่าจะปฏิบัติตามและจะยอมรับที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขอันเข้มงวดของกฎระเบียบของการ ทำเกษตรอินทรีย์หากมีการตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎอย่างสม่ำเสมอ
  ข้อกำหนดที่แก้ไขใหม่ได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้
                      1.1 กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งต่อ Control Authority (CA) และ Control Body (CB) หากพบว่า มีการฝ่าฝืนกฎหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎอย่างสม่ำเสมอเกิดขึ้นอันจะส่งผลกระทบต่อ สถานะอินทรีย์ของสินค้าของตน ซึ่งครอบคลุมถึงสินค้าอินทรีย์ที่ตนรับต่อมาจากผู้ประกอบการรายอื่นด้วย
                      1.2 กำหนดปริมาณตัวอย่างสินค้าให้ CA และ CB ต้องเรียกเก็บตรวจเป็นรายปีเพื่อใช้ ประเมินผลความเสี่ยงของการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตสินค้าอินทรีย์ และในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าผู้ประ กอบการรายใดแอบอ้างสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรอง การเรียกเก็บตัวอย่างไปตรวจสามารถ กระทำได้อย่างไม่มีการกำหนดปริมาณต่ำสุด
                      1.3 กำหนดคำจำกัดความของเอกสารเพื่อการตรวจสอบ (control file)
                      1.4 กำหนดให้สามารถมีการส่งต่อเอกสาร control file ระหว่างผู้ประกอบการ หรือผู้รับเหมารายย่อย กับ CA และ CB ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเปลี่ยนไปใช้ CA หรือ CB รายใหม่เกิดขึ้น
                      1.5 การให้การรับรองทางอิเลคทรอนิกส์ (Electronic certification) กำหนดให้เอกสาร ชี้แจงไม่จำเป็นต้องมีการเซ็นชื่อ หากเอกสารดังกล่าวได้มีการรับรองว่าเป็นเอกสารตัวจริง (authenticity) โดยใช้ตราประทับทางอิเลคทรอนิกส์ที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้แล้ว       
                      1.6 การกำหนดให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่พบว่า มีการฝ่าฝืนกฎหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎอย่างสม่ำเสมอเกิดขึ้น
                      1.7 ในส่วนของมาตรการพัฒนาชนบท ซึ่งมีเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือเข้ามาเกี่ยวข้อง หากการตรวจสอบมิได้กระทำโดย paying agency โดยตรง ประเทศสมาชิกจะต้องเอื้ออำนวยให้ paying agency ได้รับข้อมูลการตรวจสอบอย่างเพียงพอ          
                      1.8 กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องระบุการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในแผนควบคุมประจำปี ให้คณะกรรมาธิการยุโรปทราบ
                      1.9 กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมในการตรวจสอบของ Competent Authority ในการควบคุม CB ที่ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบสินค้าเกษตรอินทรีย์นั้นๆ ให้ไปในแนวทางเดียวกัน
                      1.10 ผู้ประกอบการที่ลงนามในใบสำแดง (declaration) ตามมาตรา ๖๓ ย่อหน้าที่ ๒ ของกฎระเบียบ Regulation (EC) No 889/2008 ที่มีการลงนามไว้ก่อนที่กฎระเบียบที่แก้ไขใหม่จะเริ่มใช้ จะต้องปรับใช้เงื่อนไขเพิ่มเติมตามที่กำหนดขึ้นใหม่นี้ด้วย
                      1.11 กำหนดแบบฟอร์ม organic data (Annex XIII c)
                      1.12 เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีเวลาในการเตรียมปรับใช้ข้อกำหนดตามกฎระเบียบ ใหม่นี้ จึงกำหนดให้มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป (รายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามเอกสาร ประกอบ)

                  2. ประกาศกฎระเบียบใหม่นี้จะมีผลตามกฎหมาย 7 วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน ๒๕๕๖) และจะปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป


ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่

http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ.do?uri=OJ:L:2013:118:0005:0014:EN:PDF

 


ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
ณ กรุงบรัสเซลส์ (11 มิ.ย.56)

 

 

 

 

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?