TH EN
A A A

ไทยขยายเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก ก.ค. เป็น ส.ค.56

5 มิถุนายน 2556   
               
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการขยายเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2556 จากเดือน มี.ค.-ก.ค.56 เป็น มี.ค.-ส.ค.56 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่กัมพูชาได้ยกเรื่องมาตรการการจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยขึ้นหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าไทย-กัมพูชา (JTC) ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 โดยขอให้ยกเลิกการจำกัดช่วงเวลาและปริมาณการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อรองรับผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของกัมพูชาที่กำลังจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายอาหารได้พิจารณาทบทวนมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 โดยมีมติ ดังนี้

 
                   1.ให้ขยายระยะเวลาการนำเข้าของผู้นำเข้าทั่วไป ภายใต้ AFTA และโครงการ Contract Farming ตาม ACMECS ออกไปอีก 1 เดือน จากเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2556 เป็นเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2556 และกำหนดมาตรการบริหารการนำเข้า ภาษีอัตราร้อยละ 0 ให้ องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ นำเข้าได้ตลอดทั้งปี โดยให้จัดทำแผนการจัดซื้อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการผลิต การตลาด ภาวะราคาและความต้องการใช้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลผลิตในประเทศ สำหรับผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ช่วงเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2556 และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานควบคุมการนำเข้าตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525

 
                   2. ให้คงมาตรการบริหารการนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าอื่น ๆ ได้แก่ การนำเข้าตามความตกลง WTO, TNZCEP, TAFTA, JTEPA, AJCEP และ AKFTA การนำเข้าทั่วไป (ประเทศนอกข้อตกลง) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 ซึ่งเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหารเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2555

 
                   3. เพื่อให้อาหารสัตว์ในประเทศมีคุณภาพมาตรฐานและสุขอนามัยและไม่กระทบต่อสัตว์ การส่งออกเนื้อสัตว์ของไทย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งทางด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กรมปศุสัตว์ กรมการค้าต่างประเทศประสานข้อมูลรายชื่อผู้ขออนุญาตนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ระหว่างกัน เพื่อติดตามกำกับดูแล การนำเข้าได้อย่างทั่วถึง และสร้างความมั่นใจแก่อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ
 
 
 
ที่มา :  FTAWatch (5 มิ.ย.56)
 
 
 
 
 
 

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?