อุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากสาเหตุภัยแล้งในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังก่อให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตธัญพืช พืชอาหารสัตว์ และพืชน้ำมัน ด้วยสต็อกผลผลิตทั่วโลกที่มีปริมาณน้อย ทำให้ตลาดสินค้าดังกล่าวมีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นของทั้งอุปสงค์และอุปทาน
มีเพียงภูมิภาคส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว เช่น การที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์ในรัสเซียได้รับเงินอุดหนุนเพื่อชดเชยส่วนต่างของราคาผลผลิต ในขณะที่สหรัฐฯ กลุ่มผู้ผลิตสามารถทำกำไรเนื่องจากมีการลดปริมาณการผลิตก่อนหน้านี้ ทำให้สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค กระนั้น บริษัทในภูมิภาคต่างๆ ต้องเผชิญกับภาวะกำไรหดตัว ถึงแม้ราคาของเนื้อสุกรและเนื้อโคจะมีราคาค่อนข้างสูงแล้วก็ตาม
การเตรียมรับมือปัญหาต้นทุนการผลิตและความผันผวนของตลาด จำเป็นต้องอาศัยการผลิตอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ อำนาจทางการตลาด และการจัดการความเสี่ยงที่ดี ซึ่งจะช่วยให้ผ่านวิกฤติดังกล่าวไปได้ ซึ่ง Rabobank ได้วิเคราะห์อุตสาหกรรมไก่ทั่วโลกว่ายังคงมีโอกาสเติบโตที่ 4%
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่