สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประเมินวิกฤติเศรษฐกิจสหภาพยุโรป จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นสินค้าอุปโภค และมีความยืดหยุ่นต่อรายได้ที่แท้จริงสูง และยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกของประเทศที่สามที่เป็นคู่ค้าอียู ได้แก่ จีน อินเดีย บราซิล ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ เนื่องจากไม่สามารถระบายสินค้าแปรรูปไปในตลาดอียูได้ โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 มูลค่าการส่งออกยางพาราของไทยลดลงถึง 33% จาก 25,700 ล้านบาท เหลือเพียง 17,125 ล้านบาท
สศก.ประเมินว่า ราคายางเฉลี่ยในประเทศปีนี้จะอยู่ที่ 80-100 บาทต่อกิโลกรัม แต่นายกสมาคมยางพาราไทยเชื่อว่า ยางมีแนวโน้มขึ้นราคาได้อีกในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากสต็อกยางพาราทั่วโลกลดลง การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์-อะไหล่ยนต์ อีกทั้งอัตราส่วนส่งออกไปยังอียูของไทยมีเพียง 11% แต่ไปยังจีนถึง 30% จึงต้องจับตามองจีนว่ามีทิศทางแนวโน้มดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างไร
จากวิกฤติอียูดังกล่าว สินค้าบริโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ กุ้ง ไก่ น้ำตาล ข้าว ทูน่ากระป๋อง ผัก และผลไม้ อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่กระนั้น สศก. ประเมินว่าภาคการเกษตรไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบ 3 ระดับ คือ ในกรณีที่กรีซสามารถประนอมหนี้ ไทยจะมี GDP ภาคการเกษตรเพิ่ม 5% ส่วนถ้ากรีซไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ไทยจะมี GDP ลดลงเหลือประมาณ 3.4% และถ้าหากวิกฤติลามไปสู่อิตาลีและสเปน GDP ภาคการเกษตรอาจลดลงเหลือเพียง 2.5%