อินเดียและเวียดนามกำลังแข่งขันในตลาดส่งออกข้าว โดยใช้การตัดราคาเพื่อระบายสินค้า ส่งผลแนวโน้มราคาข้าวโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งกรณีการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เนื่องจากราคาข้าวหอมมะลิและข้าวขาวของไทยสูงกว่าคู่แข่งมาก ส่วนในอิรักซึ่งมีความต้องการประมาณ 800,000 - 1,000,000 ตันต่อปี ไทยยังคงต้องแข่งขันกับอเมริกาและละตินอเมริกา
การติดตามสถานการณ์การส่งออกข้าวจากอินเดียอย่างต่อเนื่องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการระบายสต็อกผลผลิตข้าวจากทั้ง อินเดีย เวียดนาม ปากีสถาน และผู้ส่งออกรายใหม่ได้แก่ พม่า และกัมพูชา ส่งผลให้เกิดการแข่งขันตัดราคาขึ้น ทำให้ไทยสูญเสียศักยภาพการส่งออกโดยเฉพาะข้าวขาว และยังทำให้ผู้นำเข้ารายใหญ่คือ จีน ลดสัดส่วนการนำเข้าข้าวจากไทย แม้เจ้าของกิจการจะชี้ว่าไม่ส่งผลต่อตลาดข้าวหอมมะลิคุณภาพสูง (พรีเมียมไรซ์) และข้าวนึ่งซึ่งเข้ามาชดเชยส่วนแบ่งการตลาดนัก แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยในการที่จีนอาจจะเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าข้าวจากเวียดนาม นอกจากด้านราคา ยังมีเหตุผลด้านระยะทางการขนส่งที่ได้เปรียบกว่าแหล่งผลิตภายในประเทศด้วย
ข้าวไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 มีปริมาณส่งออกทั้งสิ้น 1,445,306 ตัน เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2554 ที่ได้ 2,846,332 ตัน ลดลงถึง 49.2% เนื่องจากผลของส่วนต่างราคาข้าวไทยกับคู่แข่งสำคัญคือ อินเดีย และเวียดนาม สูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หากรัฐบาลพยายามผลักดันราคาข้าวให้สูงเท่าราคารับจำนำจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกยิ่งขึ้น เพราะตลาดจะตัดสินใจเลือกข้าวคุณภาพสูงกว่าของไทยเฉพาะกรณีส่วนต่างไม่เกิน 40 ดอลลาร์ต่อตัน