นักเศรษฐศาสตร์ชาวฮ่องกงเผย ผู้บริโภคชาวฮ่องกงอาจได้รับผลกระทบจากโครงการ จำนำข้าว เพื่อช่วยเหลือชาวนาของรัฐบาลไทย
ตามที่รัฐบาลไทยได้ประกาศจะเริ่มดำเนินโครงการ จำนำข้าว ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป โดยภายใต้โครงการดังกล่าว รัฐบาลจะรับจำนำข้าวจากชาวนาโดยตรงในราคา 3,800 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตัน (ประมาณ 15,000 บาท) โดยนับเป็นราคาที่สูงกว่าราคาข้าวในท้องตลาด (2,110 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตัน หรือประมาณ 10,200 บาท/ตัน) ถึง 80 %นั้น กลุ่มผู้ส่งออกข้าวไทยได้เปิดเผยว่า กลุ่มฯ คงไม่สามารถสู้ราคากับรัฐบาลได้ ดังนั้น หากรัฐบาลเริ่มดำเนินโครงการ จำนำข้าว อย่างเต็มรูปแบบ ราคาข้าวไทยในตลาดโลกน่าจะพุ่งขึ้น 35 % จากราคา 4,700 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตัน เป็น 6,400 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตัน ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้ปริมาณข้าวส่งออกของไทยลดลง 20 %
นาย Li Guanglin ผู้นำเข้าข้าวสารในฮ่องกงกล่าวว่า ในสมัยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็เคยประกาศใช้นโยบายลักษณะนี้ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาคาดว่า ราคานำเข้าข้าวสารไทยในฮ่องกงน่าจะสูงขึ้น 10 % และเนื่องจากปัจจุบันฮ่องกงยังมีข้าวสารในคลังเหลืออยู่ ราคาขายปลีกข้าวสารไทยจึงน่าจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป และราคาข้าวไทยที่แพงขึ้นอาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในฮ่องกงได้ อย่างไรก็ดี นาย Guan Chaozhao นักเศรษฐศาสตร์ชาวฮ่องกงคาดว่า ราคาข้าวไทยไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อมากนัก เพราะปัจจุบันตลาดฮ่องกงมีสินค้าทดแทนข้าวไทย อาทิ ข้าวเวียดนามและข้าวจีน ผู้บริโภคบางส่วนจึงอาจบริโภคข้าวน้อยลง หรือหันไปบริโภคข้าวราคาถูก สำหรับความห่วงกังวลว่าประเทศเวียดนามอาจก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลกแทนประเทศไทยนั้น BIC ได้สอบถามข้อมูลและความเป็นไปได้จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ได้ทราบว่า แม้การคาดการณ์ดังกล่าวจะเป็นไปได้ แต่การที่ข้าวเวียดนามจะมาแทนที่ข้าวไทยในตลาดฮ่องกงหรือในตลาดโลกคงต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร ทั้งนี้ BIC จะได้สอบถามความเห็นของผู้นำเข้าข้าวในฮ่องกง และนำเสนอให้ทราบในโอกาสต่อไป