นายวิคเตอร์ ซุปคอฟ รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่าเกษตรกรมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นถึง 10% และยอดสต๊อกได้เพิ่มสูงกว่า 6 ล้านตันในปีนี้และกระทรวงเกษตรของรัสเซียคาดว่า ผลผลิตธัญพืชของประเทศอาจอยู่ที่ 85-90 ล้านตัน เมื่อเทียบกับ 60.9 ล้านตันในปีก่อน
ด้านกระทรวงเกษตรของสหรัฐคาดว่ารัสเซียอาจส่งออกข้าวสาลีจำนวน 10 ล้านตัน ในช่วง 12 เดือนหน้าไปจนถึงเดือนกรกฎาคมปีหน้าเมื่อเทียบกับ 4 ล้านตันในปีปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 18.6 ล้านตันที่รัสเซียส่งออกในปีก่อนเป็นอย่างมาก ส่วนการส่งออกข้าวโพดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตัน จาก 25,000 ตัน ในขณะที่สต็อกข้าวโพดเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 ตัน จาก 300,000 ตัน
นายอเล็กซานเดอร์ คอร์บุท รองประธานสหภาพธัญพืชของรัสเซียซึ่งเป็นกลุ่มล๊อบบี้ด้านการส่งออกธัญพืชรายใหญ่ที่สุด กล่าวว่า รัสเซียมีปริมาณข้าวสาลีสำหรับส่งออกจำนวน 4 ล้านตัน จากภาคใต้ของประเทศแม้ว่าเกือบครึ่งหนึ่งจะมีคุณภาพไม่ดีพอสำหรับการส่งออก ในขณะที่ท่าเรือของรัสเซียสามารถให้บริการส่งออกได้ราว 3.5 ล้านตันต่อเดือน
นอกจากนี้นายคอร์บุทกล่าวเสริมว่าการกลับมาส่งออกอีกครั้งของรัสเซียอาจทำให้ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกลดลง 5-7% ในขณะที่ราคาในประเทศอาจเพิ่มขึ้น 15-20%
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ ระบุว่าการระงับส่งออกธัญพืชของรัสเซียซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก มีส่วนกระตุ้นให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว
อันเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่การลุกฮือต่อต้านรัฐบาลในโลกอาหรับและแอฟริกาเหนือ