1. ลดวงเงินงบประมาณจาก Farm Bill ฉบับเดิม ลงกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ2. ปรับหลักเกณฑ์การจ่าย Direct payment แต่เพิ่มวงเงินอุดหนุน 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (กำหนดหลักเกณฑ์การได้รับเงินช่วยเหลือโดยตรงจากรัฐบาลเข้มงวดขึ้น) กล่าวคือ ต้องการช่วยเหลือเฉพาะเกษตรกรที่มีรายได้น้อย ดังนั้น หากเกษตรกรมี Adjusted Gross Income (AGI) หรือ รายได้สุทธิที่หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ออกแล้ว เหลือเกิน 200,000 เหรียญสหรัฐ/ปี เกษตรกรรายนั้นจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ (Direct payments) นี้ และกำหนดเพดานเงินช่วยเหลือที่ 360,000 เหรียญสหรัฐ/ปี3. เพิ่ม Direct payments 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกร และชาวไร่ ที่เพิ่งเริ่มดำเนินกิจการ และผู้สูญเสียประโยชน์ทางสังคม (Socially disadvantaged) เช่น สตรี เป็นต้น และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Conservation program) จะได้รับ Direct payments เพิ่มขึ้นอีก 10%4. เพิ่มเงินด้านการค้าสินค้าเกษตร เพื่อขยายการส่งออก และต่อสู้กับมาตรการกีดกันทางการค้าต่าง ๆ และการร่วมเจรจาจัดตั้งมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารกับองค์การนานาชาติระหว่างประเทศ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแบ่งไว้ 20 ล้านเหรียญ สำหรับเรื่อง SPS เป็นการเฉพาะ5. สนับสนุนผู้ผลิต Spcialty crop (พืชและผลผลิตของพืชที่ปลูกในสหรัฐฯ ยกเว้น ข้าวสาลี ธัญพืชอาหารสัตว์ เมล็ดน้ำมัน ฝ้าย ข้าว ถั่วลิสง น้ำตาล และยาสูบ) 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นเรื่องสารอาหารในโครงการ food assistance ต่าง ๆ รวมทั้ง โครงการอาหารโรงเรียน โดยให้รับซื้อสินค้าผักและผลไม้ที่เกี่ยวกับ spceialty crop และการขยายตลาดส่งออก เป็นต้น6. เพิ่มหัวข้อ "พลังงานทดแทน" ไว้ในกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่อง การศึกษาวิจัยและพัฒนา7. เพิ่มงบประมาณด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป่าไม้ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ8. เพิ่มวงเงินกู้ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเงินให้เปล่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่เกษตรกร และชุมชนในชนบทอ้างอิงจาก : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ
ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.