รัสเซียออกประกาศกีดกันนำเข้าข้าว ให้ชาวนาจดบันทึกหลักฐานใช้สารเคมีประกอบการส่งออก เกษตรฯค้าน ระบุทำไม่ได้ทางปฏิบัติ หวั่นคู่ค้าใช้ระบบเดียวกันกระทบส่งออกข้าวทั้งระบบ นายพินิจ กอศรีพร
รองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมแก้ปัญหาส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปประเทศรัสเซียว่า รัสเซียได้ออกระเบียบเรื่องการนำเข้าข้าว โดยกำหนดให้ประเทศส่งออกข้าวต้องแสดงรายละเอียดเรื่องสารเคมีและยาปราบศัตรูพืชที่ใช้ว่าครั้งสุดท้ายใช้เมื่อไร แสดงเอกสารการตรวจสอบสารเคมีและหนังสือยืนยันว่าข้าวมีความปลอดภัย
กระทรวงเกษตรฯได้หารือกับผู้ส่งออกข้าวไทยไปรัสเซียมีความเห็นร่วมกันว่า ระเบียบที่รัสเซียออกมาจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกและเอกสารที่รัสเซียขอนั้นไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงและไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่ระดับนานาชาติปฏิบัติ และค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยรัสเซียอ้างเป็นกฎหมายในประเทศเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ จะบังคับหลังวันที่ 1 เมษายน 2550 เป็นต้นไป ในการแก้ปัญหาดังกล่าวได้กำหนด 3 มาตรการ 1. แจ้งให้ทูตไทยประจำดับบลิวทีโอ ร่วมกับทูตประเทศส่งออกข้าวได้แก่ เวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน เจรจากับผู้แทนของรัสเซียให้พิจารณาทบทวนกฎระเบียบดังกล่าว 2. รัสเซียให้รายชื่อสารเคมี 36 ตัว ซึ่งมี 6 ตัวที่ใช้ในไทย
จึงต้องตอบข้อสงสัยรัสเซียว่าใช้อะไรบ้าง เป็นอันตรายเพียงใด แต่การที่จะให้เกษตรกรแต่ละรายบ
ันทึกว่าใช้เมื่อไร และนำมาส่งให้กับทางโรงสีนั้นไม่สามารถปฏิบัติได้ และขอให้กรมวิชาการเกษตรหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาชี้แจง และกระทรวงเกษตรฯจะทำหนังสือส่งให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อมอบหมายให้ทูตไทยในกรุงมอสโกไปเจรจา 3. เชิญทูตพาณิชย์รัสเซียประจำประเทศไทยมาหารือ ปี 2547 ไทยส่งออกข้าวไปรัสเซียมูลค่า 1,097 ล้านบาท ปี 2548 ลดเหลือ 666 ล้านบาท และปี 2549 มูลค่า 533 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าการส่งออกข้าวไทยไปรัสเซียลดลงทุกปี เนื่องจากมีราคาแพงกว่าข้าวประเทศอื่นแต่คุณภาพดีกว่า แม้ว่ารัสเซียจะไม่ใช่ผู้นำเข้ารายใหญ่ของไทย แต่หากยอมให้รัสเซียใช้มาตรการลักษณะนี้ ประเทศอื่นจะนำมาใช้กับไทยได้เช่นกัน และรัสเซียยังแจ้งอีกว่า ในอนาคตจะนำมาตรการดังกล่าวมาใช้กับการนำเข้าผักและผลไม้ด้วย.