ผู้ประกอบการค้าข้าวไทยมีเฮ FAO ชี้ข้าวไทยอาจแตะ 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นายคอนเซปซิออน คาลพี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส องค์การเกษตรและอาหารของสหประชาชาติ (FAO) ว่า ปริมาณข้าวทั่วโลกในปีหน้าอยู่ในขั้นอันตราย เนื่องจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มทบทวน ปรับลดผลผลิต และสต็อกข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญๆ ของโลกจะตึงตัวมากขึ้น หลังจากส่งออกเป็นจำนวนมากในปี 2553 นายไวท์โรเบิร์ต ประธานสมาคมผู้ผลิตข้าวสหรัฐฯ กล่าวว่า ราคาข้าวส่งออกของไทย ซึ่งเป็นดัชนีหลักของเอเชีย อาจพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 550 ดอลลาร์ต่อตันภายในสิ้นปีนี้ จาก 510 ดอลลาร์ต่อตันในสัปดาห์นี้ เมื่อฟิลิปปินส์ต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า ผลผลิตข้าวของไทยในฤดูเก็บเกี่ยวหลัก อาจลดลง 20% เหลือไม่ถึง 20 ล้านตัน หลังจากวิกฤติน้ำท่วมครั้งรุนแรงสุดส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก ทางด้านนายเหงียน เฮียว ทัม หัวหน้าฝ่ายวิจัยข้าว บริษัทร่วมทุนวิเคราะห์ตลาดเวียดนาม กล่าวว่า ผลผลิตข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายหลังจากฝนตกหนักช่วงก่อนหน้านี้ และนาข้าวเสียหายนับแสนเฮกแตร์ นายโรเบิร์ต กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวข้าวในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอันดับ 4 ของโลก อาจลดลงอย่างน้อย 10% ของตัวเลขประมาณการโดยกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ทำให้พลาดเป้าการผลิตข้าวมากเป็นประวัติการณ์ และยังส่งผลให้ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้น นายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง ผู้แทนการค้าไทย กล่าวถึงผลการเยือนอินโดนีเซียว่า อินโดนีเซียพร้อมจะเปิดตลาดนำเข้าข้าวหอมมะลิให้ไทยในปริมาณ 1 แสนตันอีกครั้ง จากปี 2553 ที่อินโดนีเซียไม่มีการนำเข้าข้าวหอมมะลิเลย จากที่ทุกปีอินโดนีเซียจะนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยปีละ 1 แสนตัน โดยเป็นการซื้อขายกันระหว่างเอกชนต่อเอกชน ขณะที่หน่วยงานจัดซื้อข้าวของรัฐบาลอินโดนีเซียหรือบูล็อก สนใจซื้อข้าวขาวไทย 5 แสนตัน จากปริมาณความต้องการของประเทศทั้งสิ้น 1.2 ล้านตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา นอกจากนี้ อินโดนีเซียตกลงที่จะแก้ไขกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนการนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตรจากไทย เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทเอกชนอินโดนีเซีย 3 บริษัทที่ผูกขาดการนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตร ส่งผลให้การส่งเครื่องจักรกลการเกษตรเข้าไปอินโดนีเซียทำได้ยาก เพราะเอกชนไทยไม่สามารถติดต่อบริษัทเหล่านี้ได้ ทั้งนี้ ราคาข้าวเปลือกล่วงหน้าในตลาดชิคาโก ทะยานขึ้น 51% จากระดับต่ำสุด 9.55 ดอลลาร์ต่อ 100 ปอนด์ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ผลจากภาวะน้ำท่วมทำลายการเพาะปลูกในปากีสถานและไทย ขณะที่ภาวะแห้งแล้งส่งผลกระทบต่อผลผลิตในสหรัฐ และพายุไต้ฝุ่นเมกีทำลายการเก็บเกี่ยวในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ