เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2553 นายรอน เคิร์ก ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะรวมมาเลเซียไว้ในความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก (TPP) ซึ่งประกอบด้วยออสเตรเลีย บรูไน ชิลี นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์และเวียดนาม ในการเจรจากับมาเลเซียในครั้งนี้ มาเลเซียได้ยืนยันว่าพร้อมจะบรรุลุข้อตกลงมาตรฐานสูง โดยสหรัฐฯ ได้ผลประโยชน์การทำความตกลงนี้ เช่น การสร้างโอกาสส่งออกอย่างสำคัญให้แก่ผู้ผลิต ผู้ให้บริการและเกษตรกรสหรัฐฯ เมื่อปี 2552 สหรัฐฯ สามารถส่งออกสินค้าและบริการไปยังมาเลเซียได้สูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็ได้เริ่มเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับมาเลเซีย ซึ่งสร้างความวิตกกับทางสหรัฐฯว่าจะเสียเปรียบทางการแข่งขันทางการค้ากับสหภาพยุโรปหากสหรัฐฯไม่เร่งทำ FTA อย่างไรก็ตาม ประชาชนสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการทำ FTA เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นผลเสียกับทางสหรัฐฯ
นายคาเรล เดอ กุชท์ หัวหน้าการค้าของยุโรป เปิดเผยว่า การเจรจา FTA กับมาเลเซียจะเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี โดยสหภาพยุโรปต้องการให้มีการบรรลุข้อตกลงลดภาษีและเปิดตลาด ข้อตกลงนี้จะทำให้มาเลเซียได้รับการลงทุนที่มีคุณภาพจากยุโรป และเปิดตลาดใหม่ให้กับธุรกิจของมาเลเซียและยุโรป นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังต้องการทำ FTA กับอินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ