TH EN
A A A

คณะกรรมาธิการยุโรปตั้งเป้าลดคาร์บอนไดออกไซด์ใหม่สำหรับปี 2573 และ 2593

6 ตุลาคม 2553   
คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มวางแผนกำหนดเป้าหมายลดคาร์บอนไดออกไซด์ใหม่สำหรับปี 2573 และ 2593 แล้ว ในขณะที่พิธีสารเกียวโตกำลังจะหมดลงในปี 2555 โดยเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวจะช่วยทำให้ยุโรปสามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกที่กำลังมาแรงของจีนได้ นางคอนนี เฮเดการ์ด กรรมาธิการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า คณะทำงานว่าด้วยพลังงานและคมนาคมของกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณากำหนดเป้าลดคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับปี 2573 โดยเป้าดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่จะนำยุโรปไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ลดการพึ่งพาคาร์บอนภายในปี 2593 (คณะกรรมาธิการจะเริ่มกำหนดแผนงานนี้ราวเดือนมีนาคมปี 2554) แม้ว่าร่างกฎหมายการลดการปล่อยก๊าซฯ การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานทางเลือกให้ได้ 20 % ภายในปี 2563 อันเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของสหภาพยุโรป ภายหลังการทำความตกลงในพิธีสารเกียวโตจะผ่านความเห็นชอบจากสภายุโรปแล้ว แต่การกำหนดเป้าหมายใหม่ในขอบเขตของปี 2573 และ 2593 ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาและพัฒนาขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก นอกจากนี้การขาดภาวะผู้นำในด้านดังกล่าวยังจะหมายถึงการปิดตัวลงของโรงงานมากมายและอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นในยุโรปอีกด้วย แม้จีนจะมีท่าทีไม่สนใจที่จะทำความตกลงใดๆ ในการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรอบใหม่ที่แคนคูน (ประเทศแม็กซิโก) ซึ่งเป็นการประชุมต่อยอดจากการประชุมที่โคเปนฮาเกนในปี 2552 แต่การลงทุนในภาคพลังงานทางเลือกของจีนในปีนี้แซงหน้ายุโรปแล้ว ยุโรปเคยมีอัตราการลงทุนในด้านดังกล่าวเป็น 2 เท่าของจีนในปี 2550 และเท่ากับจีนในปี 2552 และปัจจุบันจีนเป็นเจ้าของส่วนแบ่งตลาดธุรกิจพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ร้อยละ 50 จากส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก นางเฮเดการ์ดแถลงเพิ่มเติมว่า ในการประชุมระดับสูงรอบต่อไปที่แคนคูนปลายปีนี้ สหภาพยุโรปจะไม่ทำความตกลงผูกมัดตนเองเป็นครั้งที่สองเมื่อพิธีสารเกียวโตสิ้นสุดลงในปีพ.ศ. 2555 เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้สหรัฐฯ และประเทศอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ได้รับแรงกดดันเพียงพอในการยินยอมร่วมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในที่สุด เหตุผลอีกประการคือ ความเหลื่อมล้ำของระดับการลดการปล่อยก๊าซจริงระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศอื่นๆ กล่าวคือภายหลังการทำความตกลงในพิธีสารเกียวโต สหภาพยุโรปสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซฯ ลงได้ โดยปัจจุบันสหภาพยุโรปปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 14% ของการปล่อยก๊าซฯ ทั้งหมดทั่วโลก ในขณะที่ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2563) จีนจะปล่อยก๊าซในสัดส่วน 30% ของปริมาณรวมดังกล่าว ที่มา : คณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?