นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบายว่า จากกระแสความตื่นตัวต่อการดูแลรักษาสุขภาพ ทำให้มากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก มีการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์หรือออร์แกนิกส์เพิ่มขึ้น โดยจากรายงานการสำรวจสภาพการณ์เกษตรอินทรีย์โลกที่จัดทำโดย FiBL และ IFOAM ซึ่งเผยแพร่ในงาน BioFach เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ระบุว่า พื้นที่เกษตรอินทรีย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 18 ล้านไร่ ทำให้มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ของโลกรวมกันกว่า 218.75 ล้านไร่ โดยประมาณสองในสามของพื้นที่เกษตรอินทรีย์เป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
สำหรับประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุด คือ ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา และจีน ซึ่งออสเตรเลีย และอาร์เจนติน่า ยังคงครองอันดับประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุดของโลกที่มีพื้นที่การผลิตกว่า 33 ล้านไร่ และจากการศึกษาวิจัยของศูนย์พาณิชยกรรมระหว่างประเทศ (International Trade Centre-UNCTAD/WTO) พบว่า ภาคเกษตรอินทรีย์เป็นภาคเกษตรที่เติบโตเร็วที่สุดของภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก คาดว่าภายในปี 2553 มูลค่าตลาดทั่วโลกจะสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการขยายตัวเพิ่มสูงถึงร้อยละ 20-30 ต่อปี
นางพิมพาพรรณ กล่าวว่า พื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมาจาก 6,281 ไร่ ในปี 2541 เป็นประมาณ 118,091 ไร่ ในปี 2552 (สนง.เศรษฐกิจการเกษตร 16 มี.ค. 53) โดยในปี 2551 มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยประมาณ 3,200 ล้านบาท และคาดว่าตลอดปี 2552 มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ล้านบาท ตลาดสำคัญของไทย คือ สหภาพยุโรป อเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไต้หวัน สินค้าสำคัญที่มีศักยภาพและโอกาสทางการตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ ข้าว ผัก ผลไม้แปรรูป และกุ้งอินทรีย์ เป็นต้น
แม้ว่าทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคออร์แกนิกส์จะมีราคาสูง แต่หากการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของการสร้างสุขภาพที่ดี และการคืนสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ให้กับธรรมชาติ ออร์แกนิกส์จึงน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัวและคุ้มค่าสำหรับโลกใบนี้เป็นอย่างดี
ที่มา : แนวหน้า