นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เตรียมแผนนำคณะภาครัฐและเอกชน เดินทางจำหน่ายข้าวในต่างประเทศ รวมทั้งการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เสนอนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีพิจารณาโดยจะเดินทางตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553 รวม 6 ครั้งใน 10 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย บังกลาเทศ ลิเบีย เซเนกัล อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย มอริเชียส สิงคโปร์ โดยตั้งเป้าหมายส่งออกข้าวได้กว่า 2.06 ล้านตัน ซึ่งเป็นการส่งออกข้าวจากรัฐ 940,000 ตัน และข้าวจากเอกชน 1,120,000 ตัน เพื่อลดภาระสต็อกข้าวของรัฐ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แม้ราคาข้าวภายในจะต่ำลงมาก แต่ราคาส่งออกข้าวไทยยังสูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนามที่ลดค่าเงินด่องลงถึง 2 ครั้ง คาดปีนี้ไทยจะเสียตลาดข้าวขาวให้กับเวียดนามแน่นอน ส่วนข้าวขาว 5% เวียดนามอยู่ที่ตันละ 360 ดอลลาร์ แต่ของไทยตันละกว่า 500 ดอลลาร์ ทำให้ไทยแข่งด้านราคาไม่ได้ทำให้ส่งออกได้ลดลง อีกทั้ง ขณะนี้ผู้ซื้อต่างประเทศหลายรายชะลอการรับมอบ เพราะเกรงว่าอาจขาดทุนได้ โดยอ้างว่าการค้าซบเซา
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาไทยมียอดส่งออกข้าวขาว 4 แสนตัน ส่งมอบให้ฟิลิปปินส์ หลังจากชนะการประมูล หลังจากนั้น ไม่มีคำสั่งซื้อข้าวขาวล็อตใหญ่ๆ อีกเลย ส่วนอิรัก ที่เคยเป็นตลาดข้าวของไทยก็เสียให้กับเวียดนามไปแล้ว เช่นเดียวกับแอฟริกาที่เป็นตลาดข้าวใหญ่ของไทยแต่ยังไม่มีแผนนำเข้าเช่นเดียวกับอินเดีย
