นายผณิศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง ระบุ ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ไม่กระทบการส่งออกอาหารและประมง คาดทั้งปี 2552 ส่งออกกว่า 8.8 แสนตัน โดยปีหน้าการส่งออกอาจลดลง 5% เนื่องมาจากสหภาพยุโรปตรวจสอบเข้มวัตถุดิบจากทะเล ประกอบกับปัจจัยค่าเงินบาทแข็ง และขาดแคลนแรงงาน
แม้ว่าในปี 2552 ไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่อุตสาหกรรมอาหารไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เมื่อเทียบอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยการส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของกลุ่มสินค้าอาหารแช่เยือกแข็งมีปริมาณการส่งออก 716,100 ตันลดลง 2.29% เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งมีมูลค่า 106,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% ส่วนการส่งออกสินค้าประมงมีปริมาณ 882,602 ตัน มูลค่า 121,856 ล้านบาท โดยมีการส่งออกกุ้งเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากเกษตรกรมีความชำนาญในการเลี้ยงและตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักในการส่งออกกุ้ง คือ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปี 2553 คาดว่า จะมีปริมาณการส่งออก 790,972 ตัน ลดลง 5% โดยคาดว่าการส่งออกสินค้ากุ้งสดและกุ้งแปรรูปเพิ่มขึ้นเป็น 391,002 ตัน
ทั้งนี้ ในปี 2553 อุตสาหกรรมประมงของไทยยังมีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบที่จับจากทะเล ประกอบกับสหภาพยุโรปประกาศใช้กฎระเบียบ IUU ซึ่งมีความเข้มงวดกับการรายงานถึงที่มาของวัตถุดิบที่จับจากทะเล เนื่องจากการทำประมงไทยส่วนใหญ่เป็นการทำประมงพื้นบ้าน จึงยากที่จะให้ชาวประมงจัดทำเอกสารเพื่อรายงาน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน รวมทั้งปัญหาแรงงงานที่จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว เพราะทำให้เกิดปัญหาเรื่องกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวเพื่อขึ้นทะเบียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำเข้าเรียกร้องเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกสินค้า โดยให้โรงงานผู้ส่งออกให้ความสำคัญในด้านสภาพแวดล้อมและสวัสดิการของแรงงาน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ