อียูเริ่มบังคับใช้กฎระเบียบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอินทรีย์

 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 สหภาพยุโรปประกาศใช้กฎระเบียบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอินทรีย์ ซึ่งกำหนดรายละเอียดการผลิตปลา และอาหารแบบอินทรีย์ที่นำมาใช้ในสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ได้กำหนดช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition period) ไปจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เพื่อให้เวลาเกษตรกรปรับปรุงการผลิตให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่

                    

                     อนึ่ง  สมาคมเพื่อเกษตรกรรมอินทรีย์ (Naturland) ให้ข้อคิดเห็นต่อกฎระเบียบใหม่ว่า ความหนาแน่นในการเลี้ยงปลากำหนดไว้สูงเกินไป รวมทั้งการอนุญาตให้ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น สารเคมีที่ทำให้สัตว์เลี้ยงตั้งครรภ์ และสารเคมีที่ใช้ถนอมอาหารในขั้นแปรรูป เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อกำหนดในการขนส่งสัตว์มีชีวิตยังคงคลุมเครือ    ส่วนสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) เห็นด้วยกับการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ และช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่านไปจนถึงปี 2556 และกฎใหม่นี้จะช่วยยกระดับการเพาะเลี้ยงปลา สัตว์น้ำที่มีเปลือก และสาหร่ายทะเลแบบยั่งยืน ให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อผู้บริโภค อีกทั้งเสนอเพิ่มเติมว่า ควรจัดทำโครงการวิจัยขึ้นเพื่อทบทวนกฎระเบียบที่อาจมีขึ้น
 

                    ทั้งนี้ กฎระเบียบเกษตรอินทรีย์ฉบับใหญ่ได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานรับรองสินค้าเกษตรอินทรีย์ยื่นสมัครอยู่ในบัญชีรายชื่อหน่วยงานรับรองที่กรรมาธิการยุโรปด้านการเกษตรและพัฒนาชนบท (DG Agriculture) ยอมรับ เมื่อรวมกับกฎระเบียบนี้ จะทำให้ข้อกำหนดต่างๆ เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการเลือกรับบริการจากหน่วยงานรับรองที่หลากหลาย ช่วยลดต้นทุนในการชำระค่าตรวจรับรองด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงถือว่ากฎระเบียบใหม่นี้ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์อินทรีย์ของไทย และยังขยายโอกาสในการส่งออกเพิ่มมากขึ้น