สำนักงานพาณิชย์ฯ ณ กรุงบรัสเซลส์คาดการณ์ สินค้าเกษตรไทยอาจได้รับผลกระทบจากการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ที่ลงนามย่อเมื่อเดือนตุลาคม 2552 และจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางปี 2553 โดยประเมินผลกระทบของสินค้าเกษตรแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. สินค้าเกษตรส่งออกไทยที่จะได้รับผลกระทบทันทีหลังความตกลงมีผลบังคับใช้ ประกอบไปด้วย อาหารปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์ปีก สับปะรดสำเร็จรูปแบบไม่มีน้ำตาล สับปะรดสำเร็จรูปแบบมีน้ำตาล ข้าวโพดหวานชนิดไม่แช่แข็ง ปลาทูน่าครีบเหลือง ข้าวโพดหวานสำเร็จรูป หน่อไม้ไม่แช่แข็ง และผลไม้เขตร้อนชื้น เช่น ฝรั่ง มังคุด และมะม่วง เนื่องจากสหภาพยุโรปจะยกเลิกภาษีให้เกาหลีใต้ทันที ทำให้สินค้าเกษตรจากไทยที่เป็นคู่แข่งกับเกาหลีใต้จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะมีภาษีนำเข้าสูงกว่า 8-20%
2. สินค้าเกษตรส่งออกของไทยที่จะได้รับผลกระทบหลัง FTA ระหว่างสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้มีผลใช้บังคับ 35 ปี ได้แก่
a. อาหารปรุงแต่งประเภทปลาทูน่าต่างๆ ซึ่งมีอัตราภาษีนำเข้าที่ 24% โดยสหภาพยุโรปจะลดภาษีให้เกาหลีใต้ใน 5 ปี
b. อาหารปรุงแต่งประเภทกุ้ง หอยต่างๆ และซูริมิ ซึ่งมีอัตราภาษีนำเข้า ที่ 20% โดยสหภาพยุโรปจะลดภาษีให้เกาหลีใต้ใน 3 ปี
c. ปลาแช่แข็ง ซึ่งมีอัตราภาษีนำเข้าที่ 8% โดยสหภาพยุโรปจะลดภาษีให้เกาหลีใต้ใน 3 ปี
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกไทยต้องเตรียมปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าเกาหลีใต้ในตลาดสหภาพยุโรปได้ ซึ่งเมื่อเกาหลีใต้ได้เปรียบเรื่องภาษีนำเข้า ไทยก็คงแข่งขันด้วยราคา และคงคุณภาพสินค้าให้ดีดังเดิม เพื่อป้องกันการโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Antidumping : AD)
ที่มา: สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศฯ ณ กรุงบรัสเซลส์