เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Charles Schumer เปิดเผยว่า เตรียมเสนอกฎหมาย BPA-Free Kids Act ซึ่งมีสาระสำคัญด้านการห้ามใช้สาร BPA เป็นส่วนประกอบในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กที่มีอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่า และระบุถึงด้านการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการที่จะบังคับใช้ในสหรัฐฯ รวมทั้งการเพิ่มบทลงโทษของผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้เก็บรักษาสินค้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และการออกข้อบังคับให้ตรวจวัสดุที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดจากสาร BPA
การเสนอร่างกฎหมายของ Schumer เป็นผลมาจากรายงานของสมาคมผู้บริโภค ซึ่งพบว่า อาหารกระป๋องมีปริมาณสาร BPA เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และสาร BPA ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่ยังมีผลกระทบต่อสุขภาพของชาวอเมริกา ซึ่งหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการรับรองเป็นกฎหมายจะมีผลทำให้ สาร BPA เป็นสารต้องห้าม เพราะ จะจัดว่าเป็นสารอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายและจะมีการกำหนดระเบียบ 3 ด้าน ได้แก่ การตรวจสอบ การรับรอง และการติดฉลาก โดยคณะกรรมาธิการด้านความปลอดภัยสินค้าของสหรัฐฯ (Consumer Product Safety Commission :CPSC) จะกำกับดูแลข้อมูลการตรวจสอบของผู้ผลิตพลาสติกและบรรจุภัณฑ์และสุ่มตรวจบรรจุภัณฑ์อาหารที่จำหน่ายอยู่ในตลาด และด้านการติดฉลาก จะบังคับให้ติดฉลากเพื่อแสดงว่าสินค้าปลอดสาร BPA โดยให้ระบุว่า BPA-Free Product บนฉลากหรือตัวบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถแยกแยะผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในร่างกฎหมายดังกล่าวยังสนับสนุนงานวิจัยเพื่อศึกษาผลกระทบของสาร BPA ในทุกวัยและสตรีมีครรภ์ โดยให้งบประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะเวลา 5 ปี