สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (USFDA) และสถาบันร่วมด้านความปลอดภัยอาหารและโภชนาการประยุกต์ (JIFSAN) ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลไปยังบังคลาเทศในสัปดาห์นี้เพื่อฝึกอบรม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเกี่ยวกับการทำประมงที่ปลอดภัยและเทคนิคการควบคุมคุณภาพ สินค้าสัตว์น้ำ เพื่อพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยอาหารทะเลบังคลาเทศทั้งหมด ทั้งสินค้าที่จำหน่ายในประเทศและส่งออก
Murray M. Lumpkin รองกรรมาธิการโครงการระหว่างประเทศของ USFDA กล่าว ว่า การร่วมมือกับต่างประเทศไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า ที่จำหน่ายภายในประเทศนั้นๆ แต่ยังพัฒนาสินค้าที่ส่งมาจำหน่ายในสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ เช่นกัน โดยการอบรมประกอบด้วยการบรรยาย สาธิต ตรวจเยี่ยมสถานที่ทำประมง และทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมจะสามารถให้การอบรมผู้ประกอบการอื่นๆต่อได้ ตามมาตรฐานการปฎิบัติทางประมงที่ดี (GAP)
Steven Sundlof ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัยอาหารและโภชนาการประยุกต์ของ USFDA กล่าวว่า บทบาทของ USFDA ในการจัดการสัตว์น้ำนั้นมีความสำคัญมากกว่าเดิม เพราะการทำประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และโครงการที่มีการทำงานร่วมกันเช่นนี้จะสร้างความมั่นใจได้ว่ามาตรฐาน GAP เป็นที่ยอมรับและนำไปปฏิบัติอย่างแพร่หลาย
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการประมงเติบโตขึ้นมากกว่า 11 % ในแต่ละปี ซึ่งถือเป็นภาคหนึ่งในเกษตรกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยอาหารทะเลที่บริโภคในสหรัฐฯ เป็นสินค้านำเข้าถึง 85 % จากประเทศผู้นำเข้ามากกว่า 50 ประเทศ ซึ่งสินค้าอาหารทะเลนำเข้าทั้งหมด 40% มาจากการเพาะเลี้ยงและ 60 % เป็นการจับทางธรรมชาติ
ทั้งนี้ โครงการการอบรมมาตรฐาน GAP ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2549 โดยทดลองอบรมในเวียดนามก่อน ต่อมาจึงได้มีการอบรมในไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบันได้อบรมด้านมาตรฐาน GAP ให้กับผู้เข้าร่วมมากกว่า 800 แห่ง ใน 18 ประเทศ