TH EN
A A A

เอฟทีเอไทย-เปรู ฉลุย

5 ตุลาคม 2552   
               นายวัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยหลังหารือกับนายคาร์รอส เอ็ม. เวลลาสโก เอกอัครราชฑูตเปรูประจำประเทศไทยว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2552 ที่ประเทศสิงคโปร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มี กำหนดการหารือทวิภาคีกับนายอลัน การ์เซีย ปเรส ประธานาธิบดี พร้อมกับเป็นสักขีพยาน ในการลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-เปรูในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552
 
               ทั้งนี้ข้อตกลงไทยจะได้รับประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุนอย่างมาก ซึ่งมีมูลค่าการค้าไทย-เปรู จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปี 2551 มีมูลค่า 328 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไทยส่งออกไปเปรู 259 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเปรูส่งสินค้ามาไทยเป็นมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 
                อย่างไรก็ดี ข้อตกลงจะมีการลดภาษีสินค้ากว่า 4 พันรายการ และไทยจะใช้เป็นฮับขยายตลาดไปยังกลุ่มละตินอเมริกา เปรูมุ่งหวังใช้ไทยเป็นฮับเข้าไปในอาเซียนเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ประเทศ
 
                นายเวลลาสโก ระบุว่า ข้อตกลงFTAไทย-เปรู จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้า ที่ผ่านมาสินค้าสินค้าที่เปรูส่งมาไทย คือ สินแร่ประเภท ทองแดง แต่ยังมีทรัพยากรธรรมชาติ เช่นไม้สนซีดานสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอาหารทะเล และเปรูเป็นโอกาสใหม่สำหรับร้านอาหารไทย ที่มีเพียง 3แห่งเท่านั้น รวมถึงเป็นตลาดใหม่สำหรับข้าวหอมมะลิไทย
 
                ทั้งนี้ สินค้าที่อยู่ใน Early Harvest List ของไทยรวมทั้งสิ้น 4,050 รายการ จะมีการลดภาษีเหลือ 0% ทันที 2,754 รายการ เช่น สินค้าแร่ สังกะสี ดีบุก รัตนชาติ และปลาหมึก เป็นต้น และรายการสินค้าที่ลดภาษีเป็น 0% ภายใน 5 ปี เช่น สังกะสี และน้ำมันปลา เป็นต้น
 
                ส่วนสินค้า Early Harvest List ของเปรู จะมีการลดภาษีเหลือ 0% ทันที 3,817 รายการ เช่น รถปิกอัพ พลาสติก สินค้าที่จะลดภาษีเป็น 0% ภายใน 5 ปี เช่น ด้ายโพลีเอสเตอร์ ด้ายใยสังเคราะห์ รถจักรยานยนต์

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

บทความนี้มีประโยน์หรือไม่?